วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รีวิวหนังสือพ่อแม่ ยอดคุณแม่แน่กว่าครู

ยอดคุณแม่แน่กว่าครู 
ผู้เขียน  Yin Jianli (หยิ่นเจี้ยนลี่) 
ผู้แปล   รำพรรณ รักศรีอักษร
สำนักพิมพ์ นานมี


คำนิยม
ตอบทุกคำถามของคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก พ่อแม่ที่มีแนวคิดการเลี้ยงลูกต่างกัน ส่งผลให้ชะตากรรมของลูกต่างกัน "ราวฟ้ากับดิน" 

การดูแลบ่มเพาะในครอบครัวที่มีคุณภาพเป็นก้าวย่างแรกแห่งความสำเร็จของลูกรัก 

ประวัติผู้เขียน
หยิ่นเจี้ยนลี่ เป็นคุณแม่และครูผู้มีประสบการณ์ เป็นผู้เชียวชาญด้านการอบรมเด็ก ได้รับการยอมรับอย่างมากในจีน ไต้หวัน และเกาหลี ปัจจุบัน ทำงานวิจัยและให้คำปรึกษาด้านการอบรมในครอบครัวและจิตวิทยาเด็ก


ความคิดเห็น
แม้เราจะเห็นเด็กจีนแสนเก่งและโดดเด่นมากๆในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นกีฬา วิชาการ หรือดนตรี การแสดง ถ้าแข่งกันเวทีอาเซียน หรือระดับโลก เด็กจีนมักเป็นตัวเต็งเสมอ แต่ทราบมั้ยค่ะว่า ปัจจุบัน ลูกมังกรชาวจีนกว่า 20 ล้านคนกลายเป็นเด็กสมาธิสั้น พ่อแม่และเด็กๆอีกหลายครอบครัวนับไม่ถ้วนประสบปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ความเก่งและความสามารถต่างๆของเด็กแลกมากับหลายๆอย่างที่สร้างปมและความทุกข์ในชีวิตให้กับเด็ก จากความหวังดีของพ่อแม่ หนึ่งตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมา เป็นเด็กที่เป็นแชมป์ชนะการประกวดการแข่งขันเปียโนเยาวชนนานาชาติ ซึ่งมีพรสวรรค์และผลงานยอดเยี่ยมมาก ให้สัมภาษณ์ว่า เธอได้ดีเพราะโดนพ่อตบหน้า 400 ครั้งใน3 ปี ชีวิตของเด็กคนหนึ่งไม่ได้มีเพียงเพื่อแค่การแข่งขัน ลองคิดดูว่าเมื่อเด็กคนนี้โตขึ้นมากับความรุนแรงเมื่อเป็นผู้ใหญ่จะเป็นอย่างไร


ปัญหาต่างๆ ที่ผู้เขียนหยิบยกมานำเสนอในหนังสือ ก็เป็นปัญหา classic ของครอบครัวชาวเอเชีย ซึ่งไม่นานแปลกใจเลยว่าทำไมผู้เขียนถึงได้ดังมากในประเทศพี่ใหญ่ของเอเชีย อย่างจีน เกาหลีและไต้หวัน สำหรับเด็กไทยก็เช่นกัน ทั้งแนวความคิดในการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ระบบการเรียนการสอน และครูชาวไทย ที่ยังยึดติดความคิดของผู้ใหญ่เป็นหลัก ไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็กที่มีความแตกต่างกัน 

เวลาอ่านไป ก็ได้บรรยากาศเหมือนมีกำลังคุยกับเพื่อนคนจีนไปสมัยอยู่เมืองจีน เพื่อนสนิทที่มีลูกแล้ว เค้าบำรุงบำเรอลูกมาก ของทุกอย่างต้องเป็นของดีของนำเข้า อะไรที่เค้าบำรุงสมองลูก (แต่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้จริงเปล่าไม่รู้) แพงแค่ไหนก็ซื้อให้ลูกกิน ให้ลูกใช้ เคยดูรายการประกวดร้องเพลง เด็กหญิงคนหนึ่งเล่นดนตรีร้องเพลงเพราะมาก เด็กคนนี้ซ้อมเปียโนทั้งวันทั้งคืนหลังจากพ่อแม่ซึ่งเป็นกรรมกรใช้เงินเก็บเกือบทั้งชีวิตซื้อเปียโนให้ลูกเพราะลูกอยากได้ ยิ่งนโยบายลูกคนเดียว เด็กจีนเลยยิ่งกลายเป็นจุดศูนย์กลางของทั้งครอบครัว นอกจากความรักและความทุ่มเทที่เด็กได้แล้ว พ่อแม่ปู่ย่าตายายยังแถมความคาดหวังและความกดดันมาด้วยโดยไม่รู้ตัว ไม่ต่างอะไรกับเด็กไทยค่ะ มันยากสำหรับพ่อแม่ที่จะหยุดการคาดหวังและกำหนดบทบาทของลูก เพราะพ่อแม่เองถูกเลี้ยงดูมาด้วยวิธีเดียวกัน มันคงดีไม่น้อย ถ้าพ่อแม่ยุคใหม่ได้ศึกษาและเข้าใจแนวทางในการเลี้ยงลูกที่เน้นการปรับมุมมองและทัศนคติของพ่อแม่ แทนการไปเปลี่ยนลูกหรือปรับแต่งลูกให้เป็นเหมือนเรา หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มค่ะที่ช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อยค่ะ 


แนวคิดที่ผู้เขียนนำเสนอส่วนใหญ่ได้อิทธิพลมาจากมอนเตสซอรี ประกอบกับประสบการณ์ส่วนตัวของเธอเองและลูกสาว และปัญหาของอีกหลายครอบครัวที่เข้ามาปรึกษา ปัญหาที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน รวมไปถึงจากคนรอบข้างเด็ก  อย่างเรื่องเล็กๆที่ผู้ใหญ่เห็นว่า ไม่เห็นมีอะไร แต่สำหรับเด็กๆ อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้เค้าปั่นป่วนและทุกข์ใจได้ เช่น เพื่อนพ่อชอบพูดหลอกให้กลัว หรือครูศิลปะให้คะแนนผลงานเด็กต่ำเพราะระบายสีน้ำตามจินตนาการ ไม่เหมือนของจริง แบบน้ำต้องเป็นสีฟ้า ต้นไม้ต้องเป็นสีเขียว เป็นต้น 

ส่วนตัวชอบเรื่องสมาธิสั้นมากๆ อยากให้ทุกคนได้อ่านบทนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อคุณแม่ที่สงสัยว่าลูกเป็นสมาธิสั้น หรือที่ลูกถูกวินิจฉัยไปแล้วว่าเป็น ผู้เขียนยืนยันว่าการวินิจฉัยและทางแก้ปัญหาโดยการใช้ยาของหมออาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด เคยรับฟังจากเพื่อนผู้ปกครองด้วยกันว่า เดี๋ยวนี้ หมอชอบจ่ายยาให้เด็กเพื่อให้นิ่ง โดยที่ไม่ได้คิดจะช่วยเหลือในทางอื่นๆเลย  ปัญหาเด็กสมาธิสั้น ต้องย้อนกลับไปดูการเลี้ยงดูของพ่อแม่และสิ่งแวดล้อมรอบตัวลูกว่าเป็นอย่างไร พ่อแม่ต้องช่างสังเกตและให้เวลากับลูกเยอะขึ้น การฝากความหวังในการแก้ปัญหาของลูกไว้กับครูที่ต้องดูแลเด็กอีกนับสามสิบสี่สิบกว่าคนในห้องเรียนไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่แม้แต่จะคิดเลย  แต่จริงๆแล้วควรเป็นพ่อแม่เป็นหลัก ร่วมมือกับครูและผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแก้ปัญหาไปด้วยกัน



นอกจากฝากความหวังไว้กับโรงเรียนไม่ค่อยได้แล้ว จริงๆ ผู้เขียนเข้าใจและเคารพการทำงานของคุณครูและโรงเรียนนะคะ  โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นแนววิชาการที่ครูยังเป็นใหญ่ในทุกเรื่อง ด้วยความเข้มข้นของการแข่งขันสูงมากเกือบจะทุกเรื่องในสังคมจีน ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย จนกระทั่งสมัครงาน ทำให้พ่อแม่มุ่งให้เด็กเรียนๆๆๆ เด็กจีนก็เรียนจริงๆนะ ว่างก็อยู่ห้องสมุดอ่านหนังสือ ผู้เขียนมองว่าเมื่อเปลี่ยนกระแสหลักไม่ได้ พ่อแม่ก็ควรเป็นหลักให้ลูก รับฟังและช่วยประคับประคองลูกเพื่อให้เกิดความสุขในการเรียนที่โรงเรียน การบ้านเป็นปัญหาสุดยอดฮิตเลย ชอบไอเดียที่ผู้เขียนเลือกที่จะช่วยลูกทำการบ้านในส่วนที่คิดว่าไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ลูก อย่างเช่นช่วยคัดคำศัพท์ที่ลูกจำได้แล้ว เพื่อให้ลูกมีเวลาไปทำอย่างอื่นๆ ทั้งนี้ ผู้เขียนได้เขียนข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ไว้ด้วย เพราะที่ผู้เขียนทำแล้วเกิดผลดีเนื่องจากผู้เขียนใกล้ชิดลูกมาก ทำให้เข้าใจธรรมชาติของลูก จึงสามารถตกลงกับลูกในการช่วยเหลือเรื่องนั้นๆได้ขอกจากนี้ ผู้เขียนจะช่วยเฉพาะสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ของลูกจริงๆ จึงมิใช่การทำเพื่อเข้าข้างลูกจนเกินไป

ความคิดเรื่องการให้การบ้าน หรืองานสำหรับเด็กทำตามความสามารถของเด็กนั้น พบได้ตามโรงเรียนแนวทางเลือก และโฮมสคูล ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับพ่อแม่ในเมืองไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพ สำหรับแนวการศึกษาทางเลือกในจีนยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เท่าที่ทราบโรงเรียนแนววอล์ฟดอลเริ่มมีที่แรกที่ Chengdu ในปี 2004 เพราะต้านกระแสการแข่งขันทางสังคมไม่ค่อยได้ ปัจจุบันกำลังเริ่มมีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินว่ากำลังเริ่มมีเปิดในปักกิ่ง 

ผู้เขียนยังช่วยไขข้อข้องใจและแนวทางปฏิบัติตัวของพ่อแม่ในปัญหาต่างๆ เช่น ทำไมลูกชอบแกล้ง ทำไมลูกชอบโกหก ทำไมเด็กตั้งใจเรียนแต่ผลสอบไม่ดี ทำไมลูกไม่ชอบแก้ไขปัญหา ทำไมเด็กไม่สนใจเรียน ทำอย่างไรเมื่อลูกถูกแกล้ง ทำอย่างไรเมื่อลูกติดเกม ฯลฯ รู้มั้ยค่ะ ว่าทุกอย่างมาจากพ่อแม่หมดเลยค่ะ ยอดคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นที่จะช่วยลูกได้

ยังอีกหลายเรื่องน่าสนใจที่ยอดคุณแม่ควรจะพึ่งสังวรณ์ไว้ ส่วนตัวเอง อ่านแล้วก็อึ้งเหมือนกันเมื่อย้อนดูตัวเอง เช่น เรื่องการสนับสนุนให้ลูกอ่านหนังสือ ผู้เขียนยกตัวอย่างครอบครัวหนึ่งซึ่งคุณแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นประจำ แต่ดันเลือกแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจโดยไม่ได้ดูความชอบของลูก กลายเป็นการสร้างนิสัยการเกลียดการอ่านของเด็กไปโดยไม่รู้ตัว มารู้อีกที หนังสือชุดราคาแพงที่แม่ซื้อมาก็ถูกคุณลูกตีตราว่า เกลียด และไม่สนใจการอ่านไปเลย  แหม ช่างตรงกับชึวิตตอนนี้พอดี เพิ่งซื้อโต๊ะโตะและโต๊ะโตะจังทั้งหลาย เล่มใหม่สุดในชุดนี้มาอ่านให้ฮั่นฟัง อ่านไปสามสี่ตอน ฮั่นขอไม่ไปต่อ บอกว่าน่ากลัว ด้วยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าของคุณคุโรยานากิในช่วงที่เป็นฑูตยูนิเซฟ เดินทางไปแอฟริกา อินเดีย และประเทศต่างๆที่เด็กๆมีปัญหาด้านขาดแคลนน้ำ อาหารและยา ชีวิตเด็กน่าสงสารจริงๆ จนฮั่นเริ่มกลัว เราหยุดการอ่านเท่าที่ลูกบอก เปลี่ยนเป็นหนังสือสนุกๆที่ฮั่นเลือกมาให้อ่านอย่างโดราเอมอนแทน เพื่อให้ฮั่นมีความทรงจำดีๆกับโต๊ะโตะจังสองเล่มแรกแทนละกัน แหมเกือบทำลูกเอียนการอ่านไปแล้ว

สิ่งสำคัญที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ก็คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ประเทศไหน ยุคสมัยใด คุณคือคนที่สอนและเลี้ยงดูลูกเป็นคนดีและเก่งได้ดีที่สุด หากแต่วิธีในการเข้าหาลูกต้องปรับให้เข้ากับลูก เข้ากับธรรมชาติของลูกตามวัย ตามนิสัยใจคอของเด็ก ทำเป็นตัวอย่าง มิใช่ยัดเยียดความคิดของ "ผู้ใหญ่" เป็นหลัก มีคนกล่าวไว้ว่า กาลเวลาผ่านไปเท่าไร เด็กก็ยังคงเป็นเด็กเหมือนเดิม แต่สังคมที่เปลี่ยนไป เกิดจาก ที่ผู้ใหญ่เปลี่ยนแปลง

ระดับความน่ามีครอบครอง
คิดไปคิดมา นอกจากพ่อแม่ที่ควรอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว คงดีไม่น้อยที่คุณครูในเมืองไทยทุกคนได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และหนังสือที่ให้ความรู้ในการดูแลเด็กในแนวนี้จริงๆ


ข้อมูลหนังสืออื่นๆ
สารบัญ
บทที่ 1 แม่ยิ่งใหญ่กว่าครู 
- เรื่องที่ 1 หน้าที่อันยิ่งใหญ่ของแม่ 
- เรื่องที่ 2 เด็กทุกคนมีของชอบของตน 
- เรื่องที่ 3 เรื่องเล็กก็คือเรื่องใหญ่ 

บทที่ 2 ความสำเร็จของลูกอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงของพ่อแม่ 
- เรื่องที่ 1 อยากให้ลูกเปลี่ยนแปลง พ่อแม่ต้องเปลี่ยนแปลงก่อน 
- เรื่องที่ 2 การอบรมมโนธรรม 

บทที่ 3 ทัศนคติที่พ่อแม่ควรยึดถือ 
- เรื่องที่ 1 ให้เด็กกล้าพูดความคิดของตัวเอง 
- เรื่องที่ 2 ฝึกนิสัยรักการเรียน 

บทที่ 4 สนุกกับการอ่านชีวิตมีสีสัน 
- เรื่องที่ 1 เด็กที่ได้รับพรจากคฑาวิเศษจะฉลาดและมีความสุข 
- เรื่องที่ 2 ทางลัดในการเขียนให้เก่ง






วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Milk break

อะไรจะดีไปเท่ากับนมช็อคโกแลตเย็น กับรถคู่ใจสักคัน








วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ห้องสามสายชวนเที่ยวทริปสีสันตะวันออก จันทบุรี Chantaburi trip May 2014 -ตอน 2


วันจันทร์ 12 พ.ค. 

เช้านี้ เด็กๆ และพ่อๆแม่ๆ ออกมาเล่นน้ำ เล่นทราย เล่นสระน้ำส่งท้ายให้คุ้มก่อนจะย้ายออกจากโรงแรมไป อะโลฮา โฮมสเตย์ จุดหมายของทริปในวันนี้ เราเลือกที่จะไม่ไป โอเอซิสซีเวิลด์ เพราะเด็กๆอยากเล่นน้ำมากกว่า แม้จะไม่ได้ไป แต่เรามีนัดไปกินส้มตำไก่ย่างที่ ส้มตำเจ้ลักษณ์ (Tel: 085-9881255) ตรงแหลมสิงห์ โทรจองไก่ไว้ตั้งแต่วันอาทิตย์ ร้านนี้ แนะนำว่าต้องโทรจองก่อนจะดีมาก เพราะปกติคนแน่นมาก เพราะเป็นร้านที่ไม่ห่างจาก โอเอซิสซีเวิลด์ ใครไปเที่ยวต้องแวะกิน อร่อยจริง พวกตำๆยำๆเนี่ยเด็ดสุดๆ 

รีวิวส้มตำเจ้ลักษณ์จ้า

เมื่อท้องอิ่มก็ออกเดินทางต่อ แม่แอนออกไอเดียว่า งั้นเราให้รถพาขับชมวิวข้างทางแถว หาดคุ้งวิมาน  วิวข้างทางสวยมาก แวะจอดที่พักรถ ขอรูปหมู่กันหน่อย ต้องเครดิตพ่อหมูที่ช่วยเรียกรวมปูนอกกระดงมาถ่ายรูปกลุ่มได้สำเร็จ 









หลังอาหารกลางวัน เรามุ่งหน้าไป อะโลฮา โฮมสเตย์ เพื่อไปค้างหนึ่งคืน ตัวโฮมสเตย์นั้นเอารถบัสเข้าไปไม่ได้ ต้องเปลี่ยนรถเป็นของโฮมสเตย์แล้วไปต่อเรือ พวกเราเตรียมกระเป๋าเล็ก ของที่จำเป็น และเสื้อชูชีพสำหรับเด็กน้อย ข้าวของอื่นๆเก็บไว้บนรถบัส  ถึงที่จอดรถ ทางโฮมสเตย์เอารถกระบะมาสองสามคัน แม่โบท้องแก่ เด็กน้อยกับอากงอาม่าให้นั่งด้านหน้า ที่เหลือปีนขึ้นหลังรถแล้วเริ่มออกเดินทางอีกรอบ 
มันได้บรรยากาศมากมาย เด็กๆตื่นเต้น แม่ๆกลัวแดด พ่อๆก็มั่วแต่ถ่ายรูปทางที่ไป เข้าใจแล้วว่าทำไมรถใหญ่เข้ามาไม่ได้ ทางเป็นถนนดีมาระยะหนึ่ง หลังจากผ่านสะพานปูนอันแรกมาแล้ว จากนั้นก็เป็นถนนดินกับสะพานไม้ตลอดทาง 



  






รถกระบะขับมาส่งที่ลงเรือ จับเด็กๆแต่งตัว แบ่งเรือไปสองลำเช่นกัน ชบาเริ่มร้องไห้กลัว ส่วนธันธันก็กลัวเสียงเรือที่ดังแต่ไม่งอแง นั่งเรือไปประมาณเกือบ 10 นาทีก็ถึง อะโลฮา โฮมสเตย์ แบกลูกแบกข้าวของขึ้นฝั่ง เอาของเก็บที่พัก แล้วเตรียมไปทำกิจกรรมของทางโฮมสเตย์ 


ลงเรือสองลำ









กิจกรรมแรก คือ ดูให้อาหารนกเหยี่ยวสีน้ำตาล บินกันมาเต็มเลย  พอดูให้อาหารนกเสร็จ พาเด็กๆลงเรือไปดูรอบๆ ที่พัก พื้นที่รอบโฮมสเตย์เป็นป่าโกงกาง คนเรือจอดเช็คจุดจับปู น่าเสียดายปูอิ่มไปแล้วเลยไม่เจอปูสักตัว เรือพาวนรอบหนึ่งแล้วขึ้นฝั่ง พวกเราก็เดินสำรวจกันต่อ ไปดูปูที่ตรงน้ำตื้น เจอปลาตีน แล้วเล่นแข่งกันขว้างลูกโกงกาง ใครไปได้ไกลสุดคนนั้นชนะ หาความสุขง่ายๆกันตามธรรมชาติ









เย็นนี้ กินอาหารทะเลแบบเติมได้ตลอดทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา มาหมดเลย แต่ละโต๊ะจะมาอุปกรณ์แกะเนื้อปูไว้ให้ ป้อนเด็กน้อยเสร็จ ก็ค่อยๆกินกันไปไม่รีบร้อน แต่ไม่ได้ขอเพิ่มอะไรเพราะที่เค้าจัดมาให้ก็กินกันแทบจะไม่หมดอยู่แล้ว 




ที่พักในโฮมสเตย์ จะแยกโซนของแต่ละบ้านกันไป เป็นห้องนอนรวม ด้านนอกมีห้องน้ำ และชานสำหรับทานอาหารและร้องคาราโอเกะ พอเริ่มมืดก็มาอยู่กันในห้องแทน วิ่งเล่นกันกระเจิงมาก จนสุดท้ายอนุญาตให้ดูทีวี โชคดีมีหนังเด็ก เลยได้เห็นสภาพเด็กนิ่งก่อนนอน

คืนนั้น ธันตื่นมากลางดึกแล้วงอแง เราต้องอุ้มไปเดินเล่น อุ้มไปอยู่อีกห้องจนเพลีย คอยกลับมาหลับได้


วันอังคาร 13 พ.ค.
โปรแกรมเช้าคือทำบุญใส่บาตรพระ วันวิสาขบูชา ทำพิธีกันตรงชานเรือนหน้าที่พักพวกเรา เด็กๆได้ทำบุญทำกลางสายฝนรับบุญแบบเย็นสบาย 
อาหารเช้าที่นี้ เยอะมาก มีตั้งแต่ขนมปัง ชา กาแฟ ข้าวต้มทะเล ผัดไททะเล ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ฯลฯ กินกันไประหว่างรอฝนหยุดตก อิ่มอร่อยไปอีกมื้อ สายๆพอฝนหยุดตก เรา check out ออกจากอะโลฮาที่ต้องรีบออกเพราะถ้าสายมาก น้ำจะลด แล้วจะออกไปทางเรือไม่ได้  

ขากลับลงเรือ เด็กๆเริ่มไม่กลัวกันแล้ว ถึงจุดขึ้นรถคราวนี้มีรถมาเยอะกว่าเดิม เราได้กระจายตัวไปนั่งรถของบ้านมายด์ และรถคันอื่นๆ โดยไม่ต้องขึ้นท้ายกระบะ 


สิ่งที่ต้องนำไป Aloha homestay ด้วย
ยารักษาโรค ยากันยุง เสื้อชูชีพของเด็กๆ หมวกและร่มกันแดด 
ทางไปอะโลฮา ต้องต่อรถและลงเรือ ควรเตรียมกระเป๋าเล็กมาแบ่งสัมภาระเท่าที่พอใช้ก็จะดี 
เตรียมท้องไปกินอาหารอร่อยๆ จุใจ แถมมีน้ำแข็งใสเย็นๆให้ทานเล่นด้วย
โปรแกรมวันนี้ก่อนกลับบ้าน คือ เที่ยวชิลๆ ชมเสน่ห์เมืองจันท์ ภายในตัวเมือง  เราไปไหว้ศาลหลักเมือง คุกแดง และศาลสมเด็จพระเจ้าตาก ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกัน 


ไปอีกไม่ไกล เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวกั้งร้านดังของเมืองจันท์ เป็นร้านตึกแถวสองห้อง คนเยอะมากต้องแยกกันนั่ง คอยนานที่เดียว โชคดีมีร้านขายชานมไข่มุกติดแอร์ เลยได้เอาเด็กๆไปคอยและกินขนมรออาหารในนั้น ธันชอบมากแฮปปี้เพราะอากาศเย็นสบาย มีที่วิ่งเล่น ส่วนตัวประทับใจร้านนี้มากกว่าก๋วยเตี๋ยวกั้งที่กินแล้วไม่อร่อยอย่างที่คาดหวังไว้ 

จุดสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพ คือวัดคาทอลิกจันทบุรี โบสถ์แห่งนี้มีอายุมานานกว่า 200 ปี  โบสถ์นั้นอยู่ไม่ไกลกับชุมชนรินน้ำจันทบูรเพียงแค่ข้ามฝากไปอยู่กันคนละฝั่งกับที่เราเดินเที่ยววันก่อน 






กลับถึงโรงเรียนประมาณสองทุ่ม แยกย้ายกันกลับบ้าน พักผ่อน ทริปนี้สนุกจริงๆ รายละเอียดอาจจะน้อยไปหน่อย ไว้นึกอะไรได้จะมาเพิ่มเติมให้นะคะ 



วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Growing pain ลูกป่วยเมื่อยตัวเพราะ growth hormone

บันทึกตอนฮั่น 6 ขวบเต็ม

ช่วงอนุบาลสองปลายๆต่ออนุบาลสาม ฮั่นมักจะกลับบ้านมาพร้อมอาการเมื่อยขา เมื่อยหลัง และขอให้อาม่าบ้าง แม่บ้าง หรือใครก็ตามนวดให้หน่อย มักจะแอบแซวฮั่นว่า เป็นตาแก่ (เพราะฮั่นชอบเรียกแม่ว่า อีอ้วน) นวดก็แล้ว ทายาก็แล้ว ฮั่นก็ยังปวดเมื่อยมาได้ทุกวัน และชอบเป็นช่วงเย็น ถึง หัวค่ำ



แม่อย่างเราก็วิตกไปสารพัด สันนิษฐานไว้หลายเรื่อง หลังจากสังเกตพฤติกรรมของฮั่น
- เท้าแบน กระดูกเท้ามีปัญหา ทำให้เมื่อยง่าย
- เดินไม่ใส่รองเท้าที่โรงเรียน
- นอนคด
- นั่งตัวงอ
- ไม่กินผัก ขาดวิตามิน
- เลือดเดินไม่ดี
- กระดูกหลังมีปัญหา
ฯลฯ อีกมากมายเท่าที่สมองแม่สายวิทย์ไม่ตั้งใจเรียนจะคิดออก

เก็บความวิตกและกังวลมาระยะหนึ่ง จนผู้ใหญ่ชักถามไถ่ เพราะโดนฮั่นขอให้นวดกันทั่วหน้า สุดท้ายตัดสินใจไปพึ่งหมอดีกว่า search หาหมอกระดูกเด็กที่ไหนดี ไปหาเลย

สรุปได้พาฮั่นมาตรวจที่ศูนย์ออร์โธปิดิกส์ ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ วันนี้ เมื่อเจอหมอ เปิดโอกาสให้ฮั่นอธิบายอาการให้หมอฟัง ฮั่นหันมาหาก่อนบอกหมอว่า "มามี้ช่วยพูด (เสริม) ด้วยนะ"  แล้วฮั่นก็เล่าว่าเป็นอะไรบ้างให้หมอฟังอย่างครบถ้วน ไม่เว้นผดที่พุงก็บอกหมอ มามี้ภูมิใจมากๆเลย

คุณหมอตรวจสักพัก

ผลสรุปว่า ฮั่นไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่สันนิษฐานไว้เลย

คุณหมออธิบายว่า ที่ลูกปวดเมื่อย เป็นเพราะ growth hormone  เป็นอาการที่เขาเรียกว่า Growing pain เกิดขึ้นในเด็กๆ เมื่อฮอร์โมนหลั่ง ทำให้เด็กเกิดอาการปวดเมื่อยในกล้ามเนื้อ ตามน่อง ขา หลัง ซึ่งอาการและความถี่ของการปวดก็แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะเริ่มปวดช่วยบ่ายแก่ไปถึงก่อนนอน เด็กบางคนปวดมากจนร้องไห้และต้องใช้ยาแก้ปวดช่วยก็มี

เราถามหมอต่อเพื่อให้คลายสงสัยในทุกสมมติฐาน ซึ่งคุณหมอก็ช่วยเช็คดูและยืนยันว่าฮั่นไม่ได้เป็นเท้าแบน กระดูกหลังโอเค ปกติทุกอย่าง ฟังแล้วก็โล่งใจ

คุณหมอแนะนำให้ช่วยนวดคลายให้ลูก เรารีบถามเลยว่า เมื่อไรจะหายค่ะหมอ  หมอบอก หยุดโตเมื่อไรก็หาย แล้วแต่เด็ก    โอ้แม่เจ้า นี่ชั้นต้องนวดให้ฮั่นจนเป็นหนุ่มเลยหรือ เอาว่ะเพื่อลูก

ค้นหาข้อมูลต่อ เจอลิงค์อธิบายได้ง่ายดีค่ะ
http://kidshealth.org/parent/general/aches/growing_pains.html#

ในเวบแนะนำวิธีบรรเทาความปวดจาก growing pain โดยให้นวด ให้ยืดตัว ประคบร้อน และแนะนำยาแก้ปวดที่ควรใช้กับเด็ก 

เด็กเอยเด็กน้อย กว่าจะเติบใหญ่

วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ห้องสามสายชวนเที่ยวทริปสีสันตะวันออก จันทบุรี Chantaburi trip May 2014 -ตอน1

ทริปสีสันตะวันออก จันทบุรี  
10 - 13 พ.ค. 2014 

บังเอิญหรือฟ้าเป็นใจที่แม่แอนและพ่อๆแม่ๆหลายคนได้ฟังโปรโมททัวร์เที่ยวเมืองจันท์จากรายการวิทยุของอาจารย์วีระ และนั้นก็เป็นที่มาของทริปสีสันตะวันออก 

ทริปรวมทีมได้ทั้งหมด 9 บ้าน มี ใบบอน ป๋อ ภูมิ มณี ฮั่น ก่อ มายด์ แทนใจ model ผู้ใหญ่21 เด็ก 15   ส่วนบ้านเอื้อง มาแจมตอนวันอาทิตย์แบบมาเช้าเย็นกลับ สมาชิกทริปครั้งนี้ มีตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงวัยขวบกว่าอย่างชบากับธัน วัยซ่าของห้องสามสาย ยังมีแม่โบท้องแก่ และผู้อาวุโสประจำทริปอย่างอากงอาม่าของใบบอน จนมีใครบอกว่า ทริปนี้ขาดแค่ คนพิการ กับพระสงฆ์เท่านั้น อิอิ




ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่ปู เจ้าถิ่นเมืองจันท์ ที่ช่วยติดต่อเรื่องที่พัก สวนผลไม้และศูนย์กระจายผลไม้ที่ให้เราได้เข้าไปชิมไปชมกัน  ที่สำคัญต้องขอบคุณและขอมอบเครดิตให้กับแม่แอนที่ทั้งจัดหารถบัสแสนสบาย ติดต่อที่พักโฮมสเตย์ และยังต้องเป็นเนบอกทางคนขับตลอดเวลา ขอบคุณ GPRS จากมือถือของพ่อหวัง และแม่แอนที่นำทางเรามาตลอดทาง
ส่วนตัวเอง ใช้สิทธิแม่ลูกอ่อน ขอติดต่อแต่ร้านอาหารเท่านั้นครับ  

โปรแกรมการเดินทางของทริปสีสันตะวันออกในตอนแรกวางกันไว้คราวๆว่าจะไปไหนบ้าง แต่ก็มีปรับเปลี่ยนกันตามสถานการณ์ และสภาพของสมาชิกทริป

วันเสาร์ 
08:00
น. พร้อมกันที่จุดนัดหมาย ร.ร.รุ่งอรุณ  เด็กๆตื่นเต้นทีเดียว เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งรถรวมกันเยอะขนาดนี้ สมาชิกทริปรักษาเวลาดีมากไม่เกิน 8:30 น. ล้อหมุนออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จันทบุรี มี 2 บ้านที่ต้องขับรถตามมาสมทบ  น่าสงสารพ่อแจนคนออกไอเดียให้เช่ารถบัสแต่อดนั่งรถบัสมาด้วยกัน เพราะติดธุระช่วงเช้า 


ตอนแรกกะว่าน่าจะแวะระยองกันก่อน แต่เมื่อเห็นสภาพคนขับแล้วตัดสินใจว่าไปกินข้าวก่อนดีกว่า เพราะขับรถช้ามาก  แล้วยังไม่รู้จักทางอีก จนแม่แอนกับพ่อหวังต้องช่วยกันเปิด google map เพื่อไปให้ถึงร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงพระยาตรังให้ได้ หนังที่เปิดให้เด็กๆดูเริ่มจบ เด็กเริ่มโวยวายเมื่อไรจะถึงซะทีกันตามประสา ระหว่างลุ้นว่าจะหาร้านเจอมั้ย เราก็โทรไปสั่งก๋วยเตี๋ยวกว่า 30 ชาม (เปิดรับออเดอร์ตั้งแต่ออกนอกกรุงเทพ) ไว้ก่อนล่วงหน้าตามคำแนะนำของเจ้าของร้าน  กว่าจะถึงร้านก็บ่ายโมงหิวกันมากมาย สมกับเป็นร้านดังประจำจังหวัดจริงๆ บ่ายโมงแล้วคนยังแน่นร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่เลย ทางร้านบอกแต่แรกแล้วว่าไม่ได้กันโตให้เพราะเป็นวันหยุด แต่เพราะร้านบริหารค่อนข้างดี ไม่นานก็ได้ที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกัน โชคดีที่สั่งเอาไว้ก่อน เจ้าของร้านควบคุมการจัดคิวอาหารขั้น professional มาก แป๊บเดียวก๋วยเตี๋ยวลงแบบเรากระจายตามโต๊ะไม่ทันเลย ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงรสชาติกลมกล่อม คล้ายกับก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นแต่ต่างที่น้ำซุป หรือเพราะหิวตาลายก็ไม่รู้ แต่ละบ้านก็สั่งเพิ่มกันคนละอีกชาม ขนมถ้วยก็อร่อยและหมดเร็วมาก ยังมีเครื่องดื่มน่าสนใจให้สั่งมาลองชิมกัน ไม่มีภาพจริงๆเพราะทั้งหิวทั้งวุ่นวายกันตามประสาเที่ยวแบบครอบครัว แต่ลองเข้าไปดูรีวิวจากเวบนี้นะคะ 
http://www.tinyzone.tv/TravelDetail.aspx?ctpostid=2406


กินอิ่มยังช็อปขนมในร้านมาคนละอย่างสองอย่าง ทุเรียนทอดอย่างงี้ กว่าจะกินเสร็จก็บ่ายสองโมงกว่า อิ่มท้องแล้วเรามุ่งหน้าต่อไปเช็คอินที่โรงแรมเจ้าหลาวคาบาน่า ตามแผนที่วางไว้กะว่าจะไปศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนและชมศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าโกงกาง แต่เมื่อดูจากแววตาของเด็กๆที่อยากเล่นน้ำ โปรแกรมนี้เลยยกเลิกไปโดยทันที 

เข้าที่พักเสร็จ แต่ละบ้านก็มาเจอกันที่ชายหาดโดยมิได้นัดหมาย หาดทรายหน้าโรงแรมนิ่มและสะอาดมาก น้ำทะเลใส เด็กๆเล่นกันมันส์สุดๆ พวกเด็กเล็กก็เล่นก่อทรายกันแบบเด็กน้อย พวกเด็กซ่าก็ลงทะเลกรี๊ดกร๊าดกันอย่างสนุกสนาน 






ตอนเย็น ออกไปทานข้าวกันในเมือง ที่ตลาดโต้รุ้ง มีกลุ่มที่อยากไปที่ร้านจันทร ร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดังประจำจังหวัด ตอนแรกเราโทรไปจองเพื่อจะได้กินด้วยกันล่วงหน้าประมาณสองสัปดาห์ ทางร้านบอกเต็มหมดแล้ว แม่เจ้า ขนาดตอนรถไปแวะส่งพวกที่จะไปกิน คนยังเต็มร้านอยู่เลย  พวกที่เหลือตะลุยเดินไปที่ตลาดโต้รุ่งแบบงง ระหว่างเดินดูว่าจะกินอะไรดี ได้แวะซื้อของว่างแล้วถามแม่ค้าว่ามีร้านอะไรอร่อยบ้าง แม่ค้าบอก สมบูรณ์ไง เดินตรงไปเลยตลาดกับห้างไปอีกหน่อย  เมื่อคนท้องถิ่นแนะมาอย่างนี้ก็ต้องสนอง พวกบ้านอื่นเสร็จร้านข้าวมันไก่ สเต็ก ข้าวหมูแดง และแผงขายอาหารริมถนนไปก่อน เหลือแต่บ้านเราเดินไปจนเกือบสุดถนนก็เจอ ร้านข้าวต้มสมบูรณ์โภชนา  ร้านสมบูรณ์เป็นร้านข้าวต้มกุ๋ยที่มีทั้งกับข้าวธรรมดา ยันซีฟู๊ด เมื่อเห็นคนเต็มร้านไม่พอ ยังมีคนยืนคอยซื้อกลับบ้านอีกมากมาย แต่ดูแล้วว่าอาหารลงเร็วมาก เดินไปนั่งโต๊ะแล้วสั่งอาหารเลย โอ้ มันอร่อยมาก กินกันเฮปปี้สุดๆ อาหารมาเร็ว (ไม่มีรูปอีกเช่นเดียวกัน อยู่รู้ตำแหน่งดูได้จากลิงค์นี้ค่ะ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2010/01/E8786739/E8786739.html)

กินเสร็จ เห็นมีร้านขายซีดีหนังที่สุดแสนแนวมาก ดูจากการตกแต่งหน้าร้านแล้ว ทำเอาคุณสามีอดใจเดินเข้าไปดูไม่ได้ เสร็จ หุ่นมดเอ็กซ์ตัวเท่าของจริง ก็อตซิลา และที่เจ๋งสุดคือ กันดัมตัวมหึมา ถ่ายรูปเก็บมาอวดพ่อคนอื่นๆ จนตกลงกันว่าเย็นพรุ่งนี้จะแวะตลาดโต้รุ่งกันอีก




พอกินเสร็จ เดินกลับมาเจอกันที่ร้านไอติม ซึ่งเป็นร้านมีแอร์ โดยมิได้นัดหมาย รวมตัวพวกกินที่ตลาดโต้รุ่งได้ก็เดินไปที่จุดนัดขึ้นรถบ้ส ขึ้นรถ แต่ละกลุ่มก็แชร์กันว่าไปกินร้านจันทร์เป็นไง ที่ตลาดเป็นไง สรุปว่าตลาดโต้รุ่งมีของให้เลือกเยอะมาก ไม่แพง ส่วนร้านจันทรอาหารรสชาดดี ร้านสะอาด แต่บริการช้าเพราะคนเยอะ เหมาะสำหรับคนที่อยากลองอาหารพื้นเมืองที่หากินยาก 


วันอาทิตย์ 11 พ.ค. 

โปรแกรมวันนี้หลักๆคือ เที่ยวสวนผลไม้ และเล่นน้ำตกพลิ้ว บ้านไหนตื่นเช้าก็ไปมาเล่นน้ำ เล่นทราย กินอาหารเช้าเสร็จ เด็กๆก็ไปเล่นกันที่สนามเด็กเล่นในที่พัก มีสนามกอล์ฟด้วย ฮั่นพยายามตีให้ลงอยู่นาน ยังไม่สำเร็จ แต่บอกว่าสนุกดี ถึงเวลานัดหมาย เราออกเดินทาง ไปชม ชิม ช็อปผลไม้ที่ สวนป้าแกลบ  ไปถึงชิมกันก่อนเลยผลไม้ในสวน เห็นบอกว่าทุเรียนยังไม่ถึงเวลาเก็บเลยมีมาให้ชิมเล็กน้อย ส่วนคุณชายธันดันหลับ แม่มันเลยนั่งเฝ้ารถบัสคอยสมาชิกไปเดินชมสวน พอสมาชิกเดินเข้าสวนไปไม่นาน คุณชายดันตื่นซะงั้น แต่ไม่ได้เดินตามไป ปล่อยคุณชายเล่นขับรถบัสแทน 



ส่งปะป๊ากับเฮียฮั่นไปเดินชมสวน ได้เห็นผลไม้จริงๆบนต้น เช่น เงาะ มังคุด ทุเรียน ระกำ ฯลฯ น่าสนุกดีจัง 

พ่อแจนสูงมากจนจะงับทุเรียนได้

ถ่ายโดยฮั่น





ลูกชายฉันแมนมาก 

เที่ยงนี้ หลายบ้านrequest อยากกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวและขนมถ้วยอีก ถึงขั้นจองขนมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน พอโทรไปจะสั่งล่วงหน้าเหมือนเมื่อวาน ที่ร้านบอกมาได้เลยคนไม่เยอะไม่ต้องสั่งก่อน คนไม่เยอะจริงๆ กินกันแบบชิลๆ

ก่อนมุ่งหน้าไปน้ำตกพลิ้ว แม่ปูพาแวะชมที่รวบรวมผลไม้เพื่อส่งออก กำลังแพ็คมังคุดเครียมส่งอยู่พอดี บรรยากาศเป็นยังไง ดูรูปเอาเลยนะคะ ลูกหลับไม่ได้ลงอีกแหละ เฝ้ารถบัสตามเคย




เมื่อถึง อุทยานแห่งชาติ น้ำตกพลิ้ว ด้วยความพยายามแรงกล้าที่จะมีรูปหมู่ในทุกทริป พ่อแม่ช่วยๆกันแหละแต่ก็ได้เท่านี้จริงๆ ตลกดี ถ่ายรูปกันเป็นพิธี จากจุดที่รถบัสปล่อยพวกเราไว้ ค่อยๆเดินเข้าอุทยาน แต่ละบ้านแวะซื้อถั่วฝักยาวไปเลิ้ยงปลากัน 






นัดเวลากันพลัดหลงแล้ว ก็เข้าอุทยานไปด้วยกัน บ้านไหนฟิตก็เดินเข้าไปเอง ไม่ไกลมากค่ะ อากาศข้างในเย็นสบายเดินกันได้ชิลๆ สามารถลงเล่นน้ำตกได้ตลอดทาง แต่ส่วนใหญ่มีลูกเด็กเล็กแดง สว. และสตรีมีครรภ์ ขอนั่งรถกอล์ฟเข้าไปแทน  บ้านเราไปลงสุดท้าย (ขอใช้ให้คุ้มที่สุด) เป็นจุดขึ้น (หรือลงนะ) น้ำตกและจุดนมัสการ สถูปพระนางเรือล่มและอลงกรณ์เจดีย์ จุดนี้มีด่านตรวจค่ะ เจ้าหน้าที่จะตรวจไม่ให้นำอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งต้องห้ามเข้าไปในบริเวณ เช่น หนังสติกรัดถั่วฝักยาว และอาหารต่างๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับปลาจอมตะกละ และทำให้น้ำตกสกปรก เป็นต้น มีล็อคเกอร์ให้เก็บของค่ะ 




ดูจากทางเดินไปน้ำตก ลาดชันมากมาย ประกอบกับมวลมหาชนที่มาเล่นน้ำ เราขอเก็บภาพจากไกลๆ แล้วออกมาเล่นน้ำด้านล่างแทน น้ำใสสะอาด ไหลเย็น กลุ่มเราปีนลงเล่นตรงใกล้จุดตรวจที่สุด ไม่มีทางลงต้องอุ้มลูกส่งลงไปเล่น หาเรื่องผจญภัยเล็กๆ จริงๆถ้าเดินลงไปอีกหน่อย ก็มีจุดลงเดินง่ายน้ำใสปลาเยอะเหมือนกัน (มารู้ที่หลัง) เหล่าอากงอาม่าก็อยู่ด้านบนนั่งเม้าส์แต้จิ๋วกันสนุกสนาน ปลาที่น้ำตก คือ ปลาพลวง มากันเยอะมาก เด็กๆกับพ่อๆเอาถั่วฝักยาวมาเล่นทำเบ็ดตกปลา แต่ถั่วสู้แรงปลาไม่ไหว แป๊บเดียวถั่วก็หมด เล่นน้ำตกกันมันส์มาก ส่วนน้องน้อยชบา กับธันธันขอโยนถั่วเล่นริมฝั่ง จุ่มๆน้ำเล็กน้อย ก็มีความสุข









เล่นน้ำเสร็จ ขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า น้ำในห้องอาบน้ำเย็นจนเด็กๆร้องกรี๊ดกร๊าด แต่งตัวเสร็จเจออะไรก็ซื้อกินทันที ด้วยว่าวันนี้ตกลงกันว่าจะกลับไปกินข้าวที่ตลาดโต้รุ่ง แม่แอนจึงเปลี่ยนแผนพาพวกเราไปเดินเล่นชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร ก่อนไปกินข้าวเย็น บรรยากาศเป็นยังไง มีอะไรบ้าง ดูภาพละกันนะคะ งานนี้ทั้งฮั่นและธันหลับคู่ อยู่เฝ้ารถบัสอีกแล้ว รู้แต่ว่า ได้แวะทานไอติมโบราณ ระยะทางที่จะไปจุดที่มีร้านค้าหรือร้านอาหารดังๆต้องเดินไปค่อนข้างไกลจากจุดที่รถจอด พอเดินไปไม่นานก็เดินกลับกันมา แต่ละคนตัวเปียกเหงื่อยังกับเพิ่งเล่นน้ำตกเสร็จยังไงยังงั้น  จริงๆถ้ามีเวลา สามารถเช่าจักรยานขี่ชมชุนชนแบบชิล ก็คงจะดีมาก สงสัยต้องคอยลูกโตกว่านี้