วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Counting box


อันนี้ทำตอนฮั่น 3-4 ขวบ เป็นการจำลองตาราง 100 ช่อง มาเป็น 50 ช่อง  และตัวอักษร A-B-C
อุปกรณ์ง่ายมาก คือใช้ฝาขวดน้ำเป็นเบี้ย ส่วนตัวอักษร ซื้อมาจากร้านไดโซะ กระดานใช้กระดาษธรรมดา เสริมด้วยแฟ้มแบบใสเพื่อความแข็งแรง เก็บใส่กล่องคีย์บอร์ดหรืออุปกรณ์คอมสักอย่างที่ปะป๊ะทิ้งแล้ว และเอาถุงเล็กๆมีซิปไว้เก็บฝาขวด


ดูก็รู้ว่าคนทำสายตาเอียง หุหุ

เรียบร้อย


ตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์หุ่นยนต์


ทำกระดานตัวอักษรอีกใบ เวลาใช้ก็เปลี่ยนในแฟ้มใส

ลิงน้อยดูจะชอบเล่นแบบนี้มากกว่า

วิธีเล่น
ชวนฮั่นเล่น โดยbuild ก่อนตั้งแต่อาบน้ำ ชวนนับเลข 1-50 กัน แล้วพอเข้าห้องนอนก็ลองชวนเล่นกระดาน50 ถ้าไม่เล่นก็ทำอย่างอื่น แต่ถ้าตกลงเล่น ก็จะช่วยๆกัน ในตอนแรกๆมีจดสถิติเวลาที่เล่นจนเสร็จ แต่ตอนหลังก็ปล่อยตามสบาย ต้องให้กำลังใจให้วางเลขให้เสร็จ ช่วยบ้าง กระตุ้นบ้าง ฮั่นมีสมาธิในช่วงแรก บ้างงอแง วอกแวกไปเล่นอย่างอื่น เราจะลองชวนให้เล่ยให้จบ ด้วยว่าช่วยกัน เมื่อจบ ชื่นชมและเก็บของเล่นก่อนไปอ่านหนังสือหรือกิจกรรมอื่นๆก่อนนอน

ตอนหลังเพิ่มเป็น 100 เล่นไม่เป็นประจำเพราะเริ่มโตก็มีเรื่องอื่นที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น ฮั่นเริ่มเรียนรู้ตัวเลขผ่านชีวิตประจำวัน เช่น ไปซื้อของ เล่นเลโก้ ดูราคาสินค้า ดูเลขในหนังสือหรือสื่อต่างๆ แทน ซึ่งเมื่อได้ดูจากของจริง ลองคิดเลขตาม ลองเล่นเชื่อมโยง ทำให้เข้าใจตัวเลขได้ดีขึ้น 

ฮั่นสามารถบวกเลขในใจ และคูณเลขแบบเริ่มต้นได้แล้ว ส่วนใหญ่มาจากการเล่นเลโก้ค่ะ ไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟัง

Mamy's Lab: Monkey corner style coloring - Let's build a town

Lab test date: 21 Aug 2014
Project: Monkey corner style coloring -Day 4
Topic: let's build a town

อ่านตอนก่อนหน้า
Day 1 Water coloring
Day 2 Ice Cube Painting
Day 3 Earthworm

วันนี้ ไม่ได้มีแผนจะทำอะไร เพราะเริ่มป่วยกันทั้งบ้าน อีกทั้ง วันนี้มี mission หลัก คือ ทำความสะอาดและเคลียร์ห้องเก็บของ เราเลยนั่งรื้อกล่องกระดาษที่ใส่สินค้าของปะป๊ะออกมา เตรียมเอาไปเก็บไว้โกดังก่อนเอาไปขาย สรุปเมื่อจัดเสร็จ ได้กล่องสำหรับเอาไปใช้งานเก็บเข้าที่ ส่วนกล่องกระดาษที่จะทิ้งก็กองเต็มเลย บอกให้แม่บ้านเอาไปเก็บที่โกดัง ฮั่นเห็นก็มาช่วยขนไปที่โกดัง ขนเสร็จ แล้ววิ่งกลับมาบอกว่า จะขอกล่องไปทำยานอวกาศได้มั้ย

เราก็งง จะเอาอันไหนหรอ ฮั่นพาไปเลือกดูที่โกดัง มีกล่องกระดาษใส่กระเป๋าอาคูเลเล่ที่ฮั่นบอกอยากเอามาทำยานอวกาศ แล้วฮั่นก็ขออีกอันว่าจะเอาไปสร้างเมือง เมื่อลูกเสนอ ก็เลยสนองให้ ขอบคุณที่ช่วยทำงานย้ายไส้เดือนให้เมื่อวานนี้ แม่ลูกเลยช่วยกันเลือกกล่องแบบใหญ่ๆเรียบๆไปอีกอันสองอัน เพื่อไปสร้างเมืองกัน

 ช่วงบ่าย เราเริ่มลงมือกัน โดยช่วยกันวาดผังเมือง ถนนก่อน ฮั่นมาช่วยวาดเส้นแบ่งถนน ซึ่งฮั่นบอกว่าต้องเป็นสีขาว ดำ วาดกันไป ธันก็อยากเข้ามาช่วย แล้วก็เริ่มระบายสีเทียนบนเมืองจนเลอะเทอะไปหมด จนต้องยกเมืองนั้นให้ธันไปเล่น  ฮั่นโกรธมาก เพราะเป็นกล่องใบใหญ่มาก ได้แต่ชวนฮั่นว่า ไม่เป็นไร ยังมีอีกกล่องหนึ่ง ในเมื่ออันแรกเสียไปแล้ว อันที่สอง จึงตั้งใจมากขึ้น ให้ฮั่นไปเอาหนังสือ Tomica มาดูกันว่าจะทำเมืองแบบไหนดี ฮั่นบอกงั้นเราทำบ้าน ร้านค้าด้วย แล้วฮั่นก็เริ่มตัดขอบกล่องกระดาษที่ใส่เครื่องออกกำลังกายของปะป๊ะมา เราช่วยทำแบบบ้าน เป็นสี่เหลี่ยมธรรมดา วัดขนาดแล้วก็ส่งให้ฮั่นตัดมาเยอะๆ ใช้สก็อตเทปแปะยึดบ้านไว้ ส่วนหลังคา ก็เอากระดาษขนาดเล็กหน่อยมาประกบ ได้หลังแรกเป็นแบบ ฮั่นชอบมากและลงมือตัดกระดาษให้เราทำบ้านเพิ่ม

วางแผนกันว่า จะทำเป็นร้านกันก่อน ส่วนแผนที่เมืองจะทำหลังสุด เพราะกลัวธันธันมาทำยุ่งอีก ระหว่างนั้น ก็เอารถของเล่นให้ธันนั่งเล่นเมืองอันเดิมไปก่อน ช่วงที่ฮั่นตัดกระดาษ เราก็ไปรวบรวมรูปภาพต่างๆเพื่อมาใช้ตกแต่งร้านค้า ได้รูปเมือง กับตึกใบหยก และรูปเค้ก ไอติม ป๊อปคอร์น พอได้ร้านแรก ก็เริ่มแต่งร้านต่อไป ทำอันจะปรึกษากับฮั่นว่าเอาแบบไหนดี ฮั่นจะช่วยเลือกและบอกไอเดียว่าอยากได้อะไรตลอด

ฮั่นมีไอเดียบรรเจิดมากกว่าแม่ (คือแม่ขึ้เกียจคิด เน้นเอารูปที่มีอยู่มาทำ) ฮั่นเริ่มตัดกระดาษแล้วระบายสี จากนั้นเอาเทปมาแปะจนทั่ว แล้วโชว์แม่ บอกว่า นี้คือ เพชร ที่แปะเทปจะได้วาวๆ  มามี้ชอบมาก บอกอยากอยู่ร้านนี้ที่สุด แล้วสั่งแม่ว่า ให้ตัดประตูด้วย

ร้านขายเพชรของฮั่น

ยิ่งทำก็ยิ่งสนุก ฮั่นทำร้านเฟอร์นิเจอร์ โดยเลือกตัดสินค้าเล็กๆน้อยๆ มาแปะบนร้าน แล้วเอาชื่อเวปมาติดบอกว่าเป็นชื่อร้าน ได้โอกาสเลยชวนคิดชื่อร้านอื่นๆด้วย ฮั่นค่อยๆบอกมาที่ละร้าน เช่น ร้านไอติมชื่อ Ice Ice  ร้านป๊อปคอร์นชื่อ Pop Pop ส่วนที่เหลือเราดันรีบเขียนไปก่อนก็เลยไม่ได้ชื่อเด็ดๆจากฮั่น 



พอได้ร้านค้าเกือบหมด จึงเริ่มวาดถนนและผังเมือง กระดาษที่ใช้เล็กและแคบกว่าอันแรกจึงใส่ได้แค่ถนนสองเส้นขนานกัน ฮั่นมาเก็บรายละเอียดเรื่องทางม้าลายว่าต้องเป็นขาวสลับดำ เมื่อเสร็จ ลองเอาร้านค้ามาวางดู ฮั่นดูแฮปปี้และภูมิใจมาก บอกว่า มันเจ๋งกว่าที่คิดไว้เยอะเลยมามี้  ธันธันเห็นเมืองเสร็จ ก็เอารถมาแล่นทันที ยังไม่ทันได้ถ่ายรูป เมืองระเบิด ต้องจัดใหม่อีกหนให้เฮียฮั่นแอคท่าถ่ายรูปเก็บผลงานก่อน พอถ่ายเสร็จ ก็อตซิล่าธันก็ตะลุยเมืองพังตามคาดหมายไว้ 






ปล่อยให้ธันตะลุยเสร็จ ฮั่นมีโกรธนิดหน่อยที่น้องมาทำพัง แต่ก็ยอมเมื่อแม่ปลอบว่าเดี๋ยวซ่อมบ้านให้ ฮั่นยังติดใจบอกพรุ่งนี้เรามาทำเมืองเพิ่มเติมนะ ได้เลยลูก ฮั่นสนุกแม่ก็สนุกเหมือนกัน

เก็บงาน
ทำเมืองกันตลอดบ่าย เราช่วยกันเก็บร้านค้าแยกใส่ถุง เสนอให้ฮั่นเก็บไว้ที่สูงๆ ธันจะได้ไม่เอามาเล่น ส่วนถนน เก็บไว้กับของเล่น เอามาเล่นกับบรรดารถเล็กๆของฮั่นกับธันได้

งานนี้ เราได้เห็นมุมมองของลูกที่กล้าคิด นำเสนอสิ่งที่อยากทำ และกล้าสร้างสรรค์นอกเหนือจากสิ่งที่ลูกคุ้นเคย ได้เห็นความภูมิใจที่ได้ลงมือทำแล้วออกมาเป็นผลงาน

ฮั่นบอกเปิดเทอม มามี้ไปทำเมืองที่โรงเรียนด้วยนะ หึหึ งานเข้าแล้วสิเรา


วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มาถูกทางแล้วกับการพัฒนาความจำผ่านการเล่น



ก่อนนอนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งแล้วรู้สึกว่าแนวทางการสอนของเราในแต่ละการทดลองเป็นไปตามแนวทางที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ การฝึกเด็กเล็กผ่านการเล่นและลงมือทำจริงด้วยประสาทสัมผัสรอบด้าน นอกจากสนุก ช่วยให้เกิดการเรียนรู้แบบแทรกซึมแล้ว ยังช่วยเรื่องการคิด แสะการจดจำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดีกว่าท่องจำ 

ขออ้างอิงบางส่วนในเรื่อง การฝึกความจำสำหรับลูก จากหนังสือชุด สร้างลูกให้เป็นอัจฉริยะ ตอน ฝึกลูกรักให้เป็นนักคิด
โดย ผศ.ดร.อุษณีย์ โพธิสุข

1. ฝึกให้เขาใช้ประสาทสัมผัส และรับรู้หลายๆด้าน เช่น เห็นแมว จับแมว แม่พูดแมว เด็กจะจดจำได้ง่ายขึ้น
2. ฝึกให้เขารู้จักเปรียบเทียบ ด้วยสี ขนาด จำนวน ฯลฯ
3. ฝึกการจำด้วยการให้เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ลงมือทำ. การที่เด็กได้ทำมาก จะทำให้เด็กมีความมั่นใจตนเองมากขึ้นมีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้น
4. ให้กำลังใจเมื่อเขาแสดงออกถึงการรับรู้และความสามารถเรียนรู้อะไรได้ กำลังใจเป็นเทคนิคสำคัญมากต่อการเรียนรู้
5. ฝึกให้เด็กเรียนรู้ด้วยความสุข เด็กจะจำได้ในรูปแบบของความทรงจำระยะยาว
6.ฝึกความจำกลยุทธ์ ฝึกให้เด็กจำวิธีคิด โครงสร้างความคิด วิธีแก้ปัญหาหรือกระบวนการ เพราะจะมีประสิทธิภาพมาก ไม่ควรเน้นจำแบบท่องหมายเลขโทรศัพท์ เพราะเป็นวิธีจำแบบเก็บขยะ หรือความจำที่สูญเปล่าสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ


ฝึกพวกนี้อ่านแล้วไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินพ่อแม่ทุกคนจะทำ เพียงแค่คุณไม่เล่นกับลูกแบบไม่ใช่ไอโพนไอแพด หรือสื่ออิเลคทรอนิคใดๆ หรือลดเวลาของตัวเองกับสิ่งเหล่านี้ให้น้อยลง หันมาใช้การสื่อสารแบบตรงๆกับลูก ลองพูดคุย หรือหรือร่วมเล่นในเกม หรือคิดการเล่นขึ้นมาเองดู ทุกข้อข้างบนสามารถเป็นoption เสริมเพื่อสร้างให้ลูกเราเป็นเด็กที่ฉลาดคิดและเรียนรู้ได้ง่ายค่ะ

Monkey corners style coloring ศิลปะ ศิลเปอะ Day3-Earth worm

ปLab test date: 20 Aug 2014
Project: Mamy's Lab-Monkey corner style coloring with Han & Tan ศิลปะศิลเปอะ เลอะสนุก
Topic: Earth Worm

วางแผน
วันนี้ มีงานให้ฮั่นช่วย คือ ย้ายบ้านให้ไส้เดือน เพื่อเก็บปุ๋ยเอามาใช้ ฮั่นอิดออดเล็กน้อย แต่พอเอาเข้าจริงก็สนุก ยอมทำโดยดี ตั้งใจให้ทำเพื่อสร้าง story ก่อนเข้าสู่โครงการศิลเปอะ


ย้ายๆไปก็เน้นเล่นไส้เดือนแม่แทน เอามาทดลองใส่ถ้วยว่าจะลอดลงรูได้เปล่า 


ระหว่างหาและย้ายไส้เดือนไป ธันธันเริ่มงอแงก็เลยต้องหยุดทำชั่วคราว

เมื่อทำความสะอาดตัวของเด็กน้อยเสร็จ ก็ขึ้นมาพักเบรคให้สบายตัว สบายใจ เย็นแฮปปี้แล้ว ก็ถือโอกาสชวนฮั่นทำงานศิลปะกัน 

ลงมือ
ชวนฮั่นก็ยังต้องมีเทคนิค เพราะชวนทำตรงๆ ฮั่นบอกไม่ทำ ด้วยเริ่มโตแล้ว การให้มาวาดรูประบายสีมันไม่โดนใจเท่าไร งานนี้ขอใช้มุขท้าทายคุณลูก 
มามี้  ฮั่นดูมามี้วาดไส้เดือนสิ ยาวป่ะ
ฮั่น โฮ้ยาวมากเลย
มามี้  มาแข่งกันวาดว่าไส้เดือนใครยาวกว่ากันมั้ย
ฮั่น (ตาโต) ได้เลย (แล้วรีบลงมือวาดทันที)


เห็นของแม่แล้วยอมไม่ได้ วาดใหญ่เลย


ระหว่างวาด คอยป้อนคำถามให้ลูกได้ย้อนคิดถึงสิ่งที่ได้เจอมา 
มามี้ ฮั่นสังเกตมั้ยว่าไส้เดือน ตัวมันเป็นยังไง
ฮั่น (คิดแป๊บหนึ่ง)  ตัวมันเป็นปล่องๆ  มันไม่มีตา ไม่มีหู ไม่มีจมูก ไม่มีปาก ไม่มีขา ไม่เห็นมีอะไรเลย แล้วมันกินยังไง
มามี้ นั่นสิไม่เห็นมีอะไรเลย แต่ไส้เดือนมันมีปาก กับก้นนะ กินแล้วก็อึออกมา ปากมันกินขี้วัวเข้าไป แลัวก็อึมาเป็นปุ๋ยที่เราเก็บกันไง (แล้วก็วาดปาก กับก้น บวกอึ) 
ฮั่น  (ขำใหญ่) มามี้ อุนจิเขียนยังไง
มามี้ เอาภาษาอะไร ภาษาญี่ปุ่นเขียนอย่างนี้ 
ฮั่น ภาษาไทยล่ะ  (แม่ก็เขียน)  เดี๋ยวฉันต้องวาดปล่องๆที่ตัวไส้เดือน นายมาช่วยฉันหน่อย 
มามี้ ได้ได้ (ช่วยทำ)

เป็นเทคนิคในการเรียกความทรงจำ เมื่อเด็กได้ย้อนคิด ทบทวนและดึงข้อมูลที่ได้พบออกมา แล้วถ่ายทอดผ่านการพูด หรือการเขียน หรือวาดรูป ก็จะช่วยให้เด็กน้อยได้จดจำเรื่องราวได้แม่นยำขึ้น  บวกกับการป้อนความรู้ต่างๆประกอบเข้าไป เชื่อมโยงกับสิ่งที่พบ เด็กก็จะเกิดการเรียนรู้ที่ได้ประจักษ์จริงและสามารถจดจำเรื่องต่างๆได้อย่างเป็นลำดับและด้วยความเข้าใจที่แท้จริง

นั่งเขียนปล่องไส้เดือน


ก่อนจะเลิกกันไป ชวนฮั่นเขียนคำว่า Earth Worm ฮั่นเขียนด้วยอารมณ์ติสเกิน วาดมั่วเลย สรุปว่าไส้เดือนฮั่นทั้งยาว ทั้งอ้วนกว่า ชนะเลิศไป 


วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Mamy's Lab- Mind Map by Han: Star Wars

Lab Test Date: 19 Aug 2014
Project: Mind map for kids



หาหัวข้อ
หลังจากทำ Mind Map อันแรกไปแล้ว ดูฮั่นจะติดใจและกระตือรือร้นอยากจะทำอีก นั่งคิดซักพักว่าจะทำเรื่องอะไรดี การเลือกหัวข้อเป็นส่วนที่ค่อนข้างสำคัญ ประกอบกับต้องคิดถึง resource ของข้อมูลกับภาพประกอบในมือ หากเป็นเรื่องที่โอเค สามารถสร้างสรรค์ได้ง่ายและดูเจ๋ง สวยงาม ลูกจะสนใจและทำต่อเนื่องแน่ๆ 100%
กรณีเป็นเด็กโตหน่อยที่เขียนหนังสือหรือวาดรูปเองได้ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงprocess และอุปกรณ์ในการทำมากค่ะ พ่อแม่ลองใช้คำถามเพื่อให้คิดและสร้างไอเดียในการทำ เนื่องจากฮั่นยังเป็นเด็กเล็ก จึงขอให้ความสำคัญกับขั้นการทำงานที่ต้องสนุก เร็ว น่าสนใจเพื่อดึงดูดความสนใจในการทำ รวมทั้ง ผลงานควรมีหน้าตาน่ารัก สวยงามพอที่เป็นกำลังใจให้เค้าทำต่อได้

มาจบที่ Star Wars  ช่วงนี้ฮั่นสนใจ Star Wars มากมาพักใหญ่ หลังจากรู้จักมาจาก Angry Bird Star Wars ฮั่นก็เอามาเล่าให้ฟัง ด้วยตัวเองก็เป็นแฟน Star Wars เหมือนกัน ก็เอาเรื่องย่อมาอ่านให้ฟัง ฮั่นเกิดมีคำถามและอยากรู้เพิ่มขึ้น ศองแม่ลูกเลยนั่งเปิดอินเตอร์เน็ตหาข้อมูล แล้วก็ไปรื้อหนังมาทยอยดูด้วยกัน ประกอบกับ Lego มีที่หนังล้อเลียน Star wars เกือบแทบทุกภาค ฮั่นนี่ยิ่ง crazy เข้าไปใหญ่

ลงมือทำ
บ่ายนั้น ฮั่นขอดู Star Wars Episode VI ภาคจบ ก็ชวนแต่เช้าว่า เรามาทำ Map กันมั้ย เพื่อให้น่าสนใจ เลยใช้ Mini figure Star wars เป็นรูปประกอบ แทน ว่าแล้วก็ให้ปะปํะพิมพ์รูปจากเน็ท ออกมานั่งดูกัน


ชวนฮั่นคิดว่าจะจัดกลุ่มยังไงดี ฮั่นเงียบๆ เลยลองเสนอว่า แบ่งเป็นพวก Dark side กับพวกคนดีเอามั้ย  ฮั่นคิดแล้วเสนอว่า เอาเป็นคนดี กับคนไม่ดี แล้วก็หุ่นยนต์ดี กับหุ่นยนต์ไม่ดี ละกัน  เรายิ้มและชม "Good idea"    แล้วเริ่มทำงานด้วยกัน

เราเสนอว่าจะวาดรูป Star Wars ตรงกลางให้ ฮั่นจะคอยกำกับว่าจะเอาสีอะไร ติดรูปโลโก้ของเลโก้ด้วยนะ จากนั้นก็ช่วยกันติด เพื่อให้เร็ว เราช่วยตั้งต้นแปะรูปแต่ละกลุ่มให้เหมือนเดิม แล้วช่วยตัดภาพ เนื่องจากรูปค่อนข้างเล็ก ยกหน้าที่ฮั่นให้ติดกาว และวางรูปเองบน Mind Map  เสร็จแล้วก็เชื่อมโยงเส้น ตอนแรกฮั่นโย่งมั่วๆเล็กน้อย ไม่ว่ากัน แต่อันสุดท้ายขอให้เขาลองโยงให้ถูกต้องหน่อย ปรากฎว่ากลายเป็นเกมสนุกไป เพราะมันหาช่องเขียนเส้นไม่ได้ต้องวาดอ้อมไปอ้อมมา ตลกทั้งแม่ทั้งลูก
 
ฮั่นถ่ายรูปเอง ไกลไปมั้ยลูก


ข้อคิดจาก Mind Map ลูก
ทำเสร็จมานั่งชื่นชมผลงานก่อนไปกินข้าวเที่ยง มีบอกว่า ยังขาดตัวนั้นตัวนี้นะมามีั ทำไมหุ่นยนต์ไม่ดีเยอะจัง หุ่นยนต์ดีน้อยนิดเดียว แม่ได้แต่คล้อยตาม "นั่นสินะ แต่ฮั่นดูสิ คนดีเยอะกว่าคนไม่ดีนะ เพราะเค้าเป็นคนดีเลยมีเพื่อนเยอะไง"  

หนึ่งในข้อดีของ Mind Map คือ ได้มองเห็นภาพรวมของข้อมูลในกระดาษแผ่นเดียว ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบและวิเคราะห์  นำเสนอเข้าใจง่าย แม้เด็กน้อยอย่างฮั่นก็ยังมองและรู้ และเข้าใจอีกด้วย

เป็นอีกผลงานที่สนุก และฮั่นภูมิใจมาก ขอถ่ายรูปผลงานด้วยตัวเออ ถือเอาไปอวดปะป๊ะ อากุงอาม่า แล้วบอกจะทำต่อเรื่อง Star wars หนักที่แม่มันนี้สิ ว่าจะเอา Topic ไรดี หุหุ ขอนอนคิดก่อนนะลูก


Mamy's Lab: Monkey corner style coloring with Han & Tan ศิลปะศิลเปอะ เลอะสนุก day2

Lab Test Date: 19 August 2014
Project: Monkey corner style coloring -Day 2: Ice Cube Painting

อ่าน การทดลองวันแรก Day 1

ติดตามต่อจากวันก่อน ทิ้งท้ายไว้ว่า เอาสีที่เหลือเข้าตู้แช่

วันนี้ ดำเนินการชักชวน ฮั่นต่อ ซึ่งพอบอกว่าระบายสีกันมั้ย ฮั่นบอก อีกแหล่ะ ไม่เอา ก็เลยต้องขอร้องกันหน่อย พอดีปะป๊ะต้องทำงานใช้สมาธิ เลยถือโอกาสใช้เป็นข้ออ้างว่าไปเล่นข้างบนดีกว่าจะได้ไม่รบกวนปะป๊ะ  แถมอีกหน่อย เดี๋ยวเราดู Star Wars เป็น movie day บ่ายนี้ก็ได้  ฮั่นยิ้ม เป็นอันตกลง


เตรียมการ

วางแผนมาล่วงหน้าแล้วว่าจะเล่น "สีน้ำแข็ง" กัน  ก็คอยจนสีพอใกล้จะแข็ง ให้หาแท่งไอติมมาเสียบตรงกลาง แต่บ้านไม่มี เลยเอาพวกเศษแขนขาของเล่นที่อยู่ในถุงรอบริจาคมาเสียบแทน ถ้วยเลอะเทะเพราะใช้ถ้วยใส่สีเมื่อวานก่อนนั้นแหละ จริงๆเลอะๆก็ดีเพราะจะได้ดูออกว่ากินไม่ได้

อุปกรณ์
สี (ถ้าเป็นสีผสมอาหารก็ดีค่ะ)
ถ้วยเล็กๆ หรือถาดใส่น้ำแข็ง
ช้อนเล็กๆ หรือไม้ไอติม หรืออะไรก็ได้ที่ไว้ทำเป็นด้ามจับ


หาอะไรเสียบเอา พอให้เด็กๆจับได้

ลงมือ
เนื่องจากหน้าตาของสีดูหน้ากินมาก จึงต้องมีการตกลงกันก่อนเริ่มกิจกรรม ว่าห้ามกิน และฮั่นต้องช่วยมามีัดูธันธัน นักชิมประจำบ้านด้วย  มีพูดกับธันว่า ห้ามกินนะ  เหมือนจะเข้าใจ และไม่มีเหตุการณ์เอาเข้าปากตลอดกิจกรรม

เริ่มเล่นก็เอาถ้วยสีมาแช่น้ำ แป็บเดียวก็ดึงออกมาใช้ได้ จากนั้นก็ปล่อยให้ละเลงกันเต็มที ฮั่นมันส์มาก

สำหรับธัน จะจับมือเขาสแตมป์ๆ เป็นรอย และลากๆรอบๆ ให้รู้ว่าทำยังไง แล้วก็จับมือให้เอาสีเก็บเข้าถ้วยเวลาไม่ใช่ จากนั้นก็ปล่อยให้เล่นกันเอง 

ระหว่างเล่นกัน เด็กๆดูจะสนใจการกลิ้งสีให้ลื่นๆในกระดาษ เอามาชนกัน ลากให้ทับกัน มากกว่าจะสร้างเป็นรูป เน้นแนวบู๊มากกว่าart มีเสียงชน ฮั่นกลิ้งบนกระดาษจนน้ำนอง ต้องเอาไปเทแล้วตากก่อน แล้วก็มาระรานของน้อง ก็สนุกไปอีกแบบ 

เมื่อแกะออกมา จะเป็นแบบนี้ 

ลุยกันมั่วเลย

ชนกันเลอะ

กิจกรรมนี้ จบเร็วมากเพราะมันละลายเร็ว กระดาษเปื่อยเร็วมากเพราะน้ำที่ละลายออกมา พอดีกระดาษปอนด์หนาๆหมดใช้กระดาษ 80 gram ธรรมดา ก็เลยต้องปรับกลยุทธ์เล็กน้อย เก็บผลงานละเลงออกไปเทน้ำทิ้งแล้วตาก แล้วเล่นสีที่เหลือที่ยังแข็งอยู่ เพราะยังไงเด็กๆก็ไม่สนทำรูปสวยอยู่แล้ว เลยไปเอากล่องใสมาใส่น้ำ เพื่อให้รอยสีน้ำแข็งเล่นกันจนละลายหมด

ผลงาน แม่ตากจนลืมเก็บ

สรุปผล
สิ่งที่ต้องปรับปรุง
-ต้องใช้กระดาษหนาๆ
-สีที่ใช้ผสมน้ำเยอะไป หรือเป็นเพราะตัวสีก็ไม่รู้ เวลาเล่นแล้วมันเป็นตะกอนยังไงไม่รู้ ไว้ลองสูตรใหม่
-ไม่มี story ในการทำงาน ทำให้เล่นซะเยอะ (แต่ไม่เป็นไร เน้นมันส์อยู่แล้ว) ทำให้พองานเสร็จ เด็กๆไม่ค่อยสนใจผลงาน หรือหาเรื่องคุยต่อยอดไม่ได้ คราวหน้าอาจจะมี theme อะไรซักอย่าง ขอคิดดูก่อน

จริงๆ ยังมีสีแช่แข็งอยู่อีกถ้วย ไว้เล่นคราวต่อไป ขออุบไว้ก่อนว่าจะทำอะไร

อ่านต่อ การทดลอง Day3

Mamy's Lab: Monkey corner style water coloring with Han &Tan ศิลปะศิลเปอะเลอะสนุก day1

Lab Test Date: 18 - 22 Aug 2014
Project: Monkey corner style water coloring


เริ่มงานเป็นแม่ฟลูไทม์วันแรก พอดีฮั่นปิดเทอม เลยคิด Project ในใจอย่างแรก คือ ศิลปะ  โจทย์ง่ายๆ แต่ implement ยากนิดหน่อย  เพราะล้มมาหลายครั้ง ด้วยฮั่นเริ่มโต อยากทำอย่างอื่นมากกว่า ส่วนธันนี้ น่าจะไม่มีปัญหาว่าไม่อยากเล่น แต่จะทำไงให้ไม่ตื่นเต้นเกินกับสีน้ำครั้งแรก เลอะแน่ๆ

วางแผน 
สำหรับธัน ไม่ต้องชักชวนมาก แค่เตรียมความพร้อมการเล่นสี โดยเอาอุปกรณ์มากองเอาไว้ให้เล่นก่อนแบบแห้ง จับมือให้ลองพู่กัน ให้ลองทำท่าทาสี เอาขวดสีให้กลิ้งเล่น ระหว่างรอเฮียฮั่น

สำหรับฮั่น การชวนแบบตรงๆมักไม่ได้ผล เลยใช้น้องนี้แหล่ะเป็นตัวดึงความสนใจ คาดว่าถ้าเห็นแม่กะน้องเล่น เดี๋ยวก็จะมาเล่นตาม นอกจากนี้ มีอุปกรณ์เสริมเป็นตัวปั้มตัวอักษร ยังไม่เคยเล่น เอามาล่อฮั่นให้มาติดกับ เออได้ผล

ชอบจริงๆ เล่นใหญ่เลย



ซ้อมมือ

ลงมือ
ถึงเวลา ฮั่นเห็นน้องเล่นก็สนใจ ขอเข้ามาแจมด้วย จึงเปิดโอกาสให้ฮั่นเป็นคนเลือกสีที่จะใช้ ด้วยมีจำกัดสีเล็กน้อย เพราะอาจจะcontrol ธันลำบาก ฮั่นก็เข้าใจและเลือกสีมาสี่สี จากนั้น สองพี่น้องก็ตะลุยระบายสี ฮั่นนั้นปล่อยทำได้อิสระ เพราะรู้ขั้นตอนการทำอย่างดี และสามารถลงสีอย่างมั่นใจ และใช้เวลาไม่นานที่จะถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการวาด เราแค่คอย support เรื่องสีและน้ำเล็กน้อย  ส่วนธันธันนี่มันส์มาก สามารถจุ่มสี ทาบนกระดาษ สักพักก็หันมาสนใจการเอาพู่กันจุ่มสีขึ้นๆลงๆ ผสมสีเริ่มมั่ว จนฮั่นโวยวาย 

ระหว่างทำงาน สีหกมาผสมกัน ได้เห็นที่เกิดใหม่ ธันชอบและพยายามจุ่มมาผสมกันอีก 

พอระบายเสร็จ พูดคุยกันถึงผลงานของฮั่น  ชื่นชมที่เป็นรูปที่ไม่ใช่รถของโตปรดอย่างเดียว มีธรรมชาติด้วย เปิดโอกาสให้ฮั่นวิจารณ์ของธัน ขำๆสนุกๆ ธันเห็นคนอื่นหัวเราะก็ขำตาม

สองพี่น้องกับภาพสีน้ำ

ผลงานของสองหนุ่ม

เก็บงาน
กว่าจะเสร็จ ก็เลอะเทอะเละเทะทั้งบ้าน ทั้งคนวาด สีหกบ้างน้ำหกบ้าง ก็ทำความสะอาดกันไป ยื่นผ้าให้คนทำเลอะเช็ด ไม่บ่นไม่เบื่อกัน เสร็จแล้วก็เอาผลงานไปตากให้แห้ง เอาเด็กน้อยไปล้างมือ แต่กลายเป็นล้างตัวอาบน้ำแทน

สีที่เหลือของวันเล็กน้อยเติมน้ำแล้วเอาเข้าตู้แช่แข็งไว้เล่นต่อวันถัดไป จะเป็นยังไงมาติดตามนะคะ


สรุปผล
เด็กๆชอบอิสระในการเล่นกับสี แม้จะยังบังคับมือไม่ได้ดังใจ เปิดใจไม่ตัดสินผลงาน เปิดโอกาสให้เด็กมีหน้าที่รับผิดชอบ ช่วยจัดอุปกรณ์และเก็บล้าง 


อ่านต่อ
การทดลอง Day 2
การทดลอง Day3







วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Mamy's Lab: First Mind Map

Lab test date: 12 Aug 2014
เด็กชาย ฮั่น 5 ขวบ 9 เดือน
Topic: Mind Map for Kid


หลังจากได้ไปอบรมMind Map เราก็เอามาดัดแปลงและสอนให้กับที่บริษัท feedback ดีมาก  เลยอยากต่อยอดมาลองกับลูกดู กำลังทดลองวิธีการสอนและเทคนิคในการดึงเด็กน้อยมาสนใจจดจ่อกับ Mind Map  ได้ finding มาหลายเรื่อง ลองอ่านกันดูนะคะ

ทำอย่างไร  ให้ลูกสนใจ 
ปกติเด็กๆสนใจอะไรง่ายๆอยู่แล้ว ยิ่งถ้าพ่อแม่ทำด้วย แต่แล้วหันไปหาฮั่น ฮั่นไม่ใช่เด็กปกติทั่วไป ฮั่นไม่สนใจอะไรง่ายๆ ยกเว้นเรื่องที่ชอบ เท่านั้น ยิ่งโตก็ยิ่งชัดเจนมาก ถ้าจะให้ชักชวนมาทำ จริงๆก็ทำได้ แต่อยากให้ฮั่นสนใจเรื่องที่แม่จะนำเสนอด้วยตัวของเค้าเอง ยิ่งไปอบรม unschooling มา ยิ่งต้องนำมาใช้ ในเรื่องของ Cue คือ สังเกตลูกให้ดีว่าลูกอยากเรียนรู้อะไร แล้วหน้าที่ของพ่อแม่คือต้องป้อนให้ทัน แหม สังเกตไม่ทันอ่ะ ขอสร้างขึ้นเองเลยละกัน  โจทย์ยากมาก  แม่มันจึงต้องวางแผนซ้อนแผน manipulate กันไปแบบเนียนๆ

ง่ายสุด คือ นำพาลูกไปในสิ่งที่ลูกสนใจอยู่แล้ว เราจึงออกอุบาย (ใช้คำนี้ได้เลย) พาธันไปเดินเล่น ฮั่นเห็นบอกอยากไปด้วย เลยถามฮั่นว่าอยากไปไหน ฮั่นบอกอยากไป 7-11  เข้าล็อค คุยกันว่า อยากซื้ออะไร เอาเงินไปเท่าไรดี ฮั่นช่วยคิดช่วยวางแผน แล้วก็เดินไปด้วยกัน 3คนแม่ลูก พ่อมีมาเสริม บอกฮั่นต้องช่วยดูแลแม่กับน้องด้วย ฮั่นรู้สึกแบบมีความรับผิดชอบขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ ระหว่างทางคุยกันสนุก ได้ลองให้ฮั่นได้คิดประมาณการณ์เองว่า 20 บาทจะซื้ออะไรได้บ้าง  กลับบ้านกันมาอย่างแฮปปี้ อิ่มอร่อยและภูมิใจดูแลแม่กับน้องกลับบ้านปลอดภัย แถมยังใช้เงินคุ้มค่าได้ของที่ตัวเองอยากได้  แล้วฮั่นก็เข้ามุมเลโก้ไม่สนใจใคร

เริ่มปฎิบัติการ
เมื่อปูสถานการณ์มาขนาดนี้แล้ว จะไม่ยอมเสียเงิน 20 บาทกับแรงที่ต้องอุ้มธันธันเดินไปตลาดเด็ดขาด แม่มันเริ่มปฎิบัติการ เปิดกระดานวาด Mind map  มีคำกล่าวที่ว่า ไม่มีคำตอบที่ไม่ดีในโลก มีแต่คำถามที่ไม่ดี   เราต้องเริ่มคำถามชี้ชวนที่น่าสนใจหน่อย
มามี้จุ๊บ: ฮั่น ป้าย 7-11 มันมีสีอะไรบ้างนะลูก
ฮั่น: ก็มีสีส้ม สีเขียว สีแดงไง
มามี้: แล้วในร้าน นอกจากน้ำที่ฮั่นซื้อ มันมีอะไรขายบ้างนะ
ฮั่น: ก็มี bar bar bar bar
มามี้ เริ่มร่าง Map บนกระดานตามที่ฮั่นบอก
มามี้: แล้วมีอะไรอีก
ฮั่น: โอ๊ย นายก็ถามอยู่ได้ (เริ่มรำคาญ)
มามี้ : มีอันนี้ด้วยสินะ (เริ่มเอาของอร่อยที่ฮั่นชอบมาล่อให้ตอบต่อ)
แล้วก็เขียนๆ วาดๆ คร่าวๆ ประมาณหนึ่ง
ฮั่นจากนั่งเล่นเลโก้อยู่ ก็เดินมาดูที่กระดาน เห็นมีรูปขนม ไอติม น้ำ นม  ฮั่นเริ่มบอกสินค้าในแต่ละ category เพิ่มขึ้่นได้ซักพัก แล้วก็จากไป กลับไปเล่นเลโก้ต่อ

ชวนลูกลงมือ
เป็นข้อยืนยันจริงๆว่า ถึงแม้จะมีของเล่น หรือเกมมันส์น่าสนุกยังไง สำหรับเด็กเล็ก พ่อแม่ก็ยังเป็นของเล่นที่น่าสนใจอันดับหนึ่งสำหรับลูกเสมอ  เราเริ่มดึงพวก leaflet ของห้างต่างๆในบ้านมา (เก็บสะสมไว้เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ)  จุดหนึ่งที่ต้องเตรียมรูปเอาไว้ เพราะฮั่นยังวาดรูปไม่เก่ง และไม่ชอบวาดรูปถ้ามันไม่สวยไม่ถูกต้อง เราจึงใช้รูปภาพแทน และเลือกการตัดแปะซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะกับลูกมากที่สุด สำหรับลูกบ้านไหนที่วาดรูป หรือเขียนเป็นคำได้ ก็อาจจะเลือกตามที่ลูกชอบทำ
เราเริ่มทำจริงโดยวาดแก่นแกน หรือจุดกึ่งกลางเป็น โลโก้ 7-11 แทนเรื่องราวที่คุยกันมาตามที่ร่างบนกระดาน แล้วก็ตัดรูปสินค้าที่เป็นกลุ่มใหญ่มาแปะเป็นกิ่งแก้ว ตามประเภทสินค้าหลักที่คุยกัน ฮั่นก็เริ่มสนใจ เข้ามามองมาดู ได้โอกาสธันงอแง ฮั่นบอกว่า เดี๋ยวฉันทำต่อเอง โดยเลือกรูปสินค้ามาใส่ตรงตามประเภทสินค้า เป็นกิ่งก้อย ด้วยตัวเอง  นั่งตัดนั่งแปะเอง โดยแม่ไม่ต้องชักจูงให้ทำมากมาย
เสริมให้ฮั่นช่วยลากเส้นเชื่อมโยงสินค้าในกลุ่ม โดยบอกให้ใช้สีเดียวกันในกลุ่มเดียวกัน เป็นการสอนกฎ Mind Map ไปในตัว ส่วนว่าเส้นโค้งหรือตรงนั่น สำหรับครั้งแรก มีบอกฮั่นเหมือนกันว่าถ้าเขียนเส้นโค้งจะสวยดี แต่ไม่ได้บังคับมากมาย กะจะลองในครั้งหน้า

ชื่นชมผลงาน
เมื่อธันหายงอแง ปล่อยธันไประเลงภาพ Map บนกระดานแทน กลับมาดูงานที่ฮั่นทำ ช่วยกันคิดช่วยกันหาว่ายังขาดอะไรอีกมั้ย น่าเสียดายที่ไม่มีรูปไอติม หรือรูปขนมปังที่ฮั่นชอบ ได้โอกาสชักชวนต่อว่าคราวหน้าหารูปมาเยอะๆมาทำกันนะ ซึ่งฮั่นดูสนใจดี  เมื่อผลงานเสร็จ ก็ต้องให้คำชื่นชมจากใจ ก็มันสวยจริงๆ สำหรับ mind map ของฮั่น ขอถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก ก็ทำเป็นอายเล็กน้อย ก่อนหันกลับไปเล่นอย่างอื่นแทน

เทคนิคที่ได้จากการทดลองครั้งแรก
  1. เปิดโอกาสให้เด็กคิดได้ แต่ต้องมีชักจูง หรือนำพาในบางครั้ง เพื่อให้เกิดความสนุก
  2. กิจกรรมต้องกระชับ อย่ายืดเยื้อมาก เพราะช่วงเวลาที่ลูก focus ตั้งแต่ต้นจนจบอาจจะสั้นมาก ให้เวลาในส่วนที่ลูกสนใจ เช่น สนใจวาดรูป หรือระดมสมอง ก็อาจปล่อยเวลาเพิ่มเติมได้ ให้ความคิดไหลไป 
  3. เลือกเทคนิคการทำ Mind Map ที่ลูกถนัด เพื่อให้เกิดความสบายใจและสนุกกับการทำครั้งแรก ประสบการณ์ทำ Map ที่เพลิดเพลินจะทำให้มีครั้งที่สองได้ไม่ยาก
  4. อุปกรณ์ต้องพร้อม แต่ใจพ่อแม่ต้องพร้อมมากกว่า ต้องสนุกไปกับลูกและพร้อมเสริมข้อมูลหรือนำพาการค้นคว้าข้อมูลต่อ  เลือกเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว จะทำให้พ่อแม่คิดหาสิ่งที่มาเพิ่มเติม mind map ได้ง่ายและเร็วกว่า

สัปดาห์หน้า คิดไว้ในใจแล้วว่าจะชวนฮั่นทำเรื่องอะไร รอติดตามผลการทดลองได้นะคะ


อ่านต่อ 2nd Mind Map 



วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รีวิวหนังสือพ่อแม่ : อิสระอย่างยิ่ง ดังอิสรา Home-made School II

ข้อมูลหนังสือ
ผู้เขียน    ยิ่ง อิสรา วังวิญญู
จำนวนหน้า            290 หน้า
สำนักพิมพ์             : วงน้ำชา
เดือนปีที่พิมพ์        : 6/2551



คำชวนอ่าน (ปกหน้าและหลัง)
เมื่อเด็กเพี้ยนไปเรียนเปียโนที่ยาโรสลาฟล์

ความเห็นส่วนตัว
ได้มีโอกาสพบเจอกับยิ่ง ผู้เขียน ตอนที่ไปอบรม เลี้ยงลูกด้วยจิตตื่นรู้ของ อาใหญ่ (วิศิษฐ์ วังวิญญู)  ซึ่งเป็นคุณพ่อของยิ่งนั้นเอง เราได้พูดคุยและสอบถามยิ่งถึงเรื่อง home school แบบ unschooling  เรื่องการเลี้ยงดูแบบไม่เทศน์ ไม่สอน  และเรื่องอีกมากมายในมุมมองของลูก  ด้วยความสงสัยว่า ทำไมจากเด็กที่ติดเกมคอมพิวเตอร์ กลายเป็นเด็กที่มีวินัยมากทั้งในเรื่องเรียน และการใช้ชีวิต  เป็นเด็กที่มีความคิด

แม้ร่างกายของยิ่งจะไม่อำนวยให้ใช้ชีวิตได้อย่างเด็กหนุ่มทั่วไป มือข้างหนึ่งไม่มีแรง เล่นเปียโนได้เพียงข้างเดียว  (ผลสืบเนื่องจากการผ่าตัด) แต่ยิ่งยังอารมณ์ดี มีมุขปล่อยมาเรื่อยๆ แผงไปด้วยความมั่นใจและความจริงใจ เราจึงอดใจไม่หยิบผลงานเขียนของยิ่งติดมือกลับบ้านมาด้วย เพราะรู้ว่าพ่อลูกคู่นี้ "ไม่ธรรมดา" 

เรื่องราวในหนังสือเป็นเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิคส์ หรือ อีเมล ตอบกันระหว่างยิ่ง กับคุณพ่อ และบรรดาเพื่อนๆและกัลยาณมิตรในชุมชน เล่าเรื่องราวของยิ่งในวัย 16 ปีเดินทางตามความฝันเพื่อไปเรียนเปียโนไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนไปถึงรัสเซีย ประเทศที่สร้างนักเปียโนระดับโลกมานับไม่ถ้วน  ดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจมากมายก็คงเหมือนเด็กทั่วไปที่ได้ไปเรียนนอก ที่เด็กไปเรียนนอกก็จะต้องประสบกันทั้งเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม ภาษา สิ่งแวดล้อมที่ช่างสุดขั้วกับบ้านเรา แต่ยิ่งสามารถถ่ายทอดทุกตัวอักษรออกมาเป็นเรื่องราวที่ช่างน่าติดตามมาก (อ่านเพลินจริง) ละเมียดละมัยในการถ่ายทอด มีบุคลิกของตัวเองอย่างชัดเจน แผงไปด้วยปรัญญาของการใช้ชีวิต การจัดการความคิด อารมณ์ และความรู้สึกของตนเอง ซึ่งในบางเรื่องบอกตามตรงว่า ตัวเราเองยังเพิ่งมาคิดได้เมื่อวัยเข้าเลขสามด้วยซ้ำ  ย้อนคิดไปว่าตอนอายุ 16 เราจะคิดอะไรได้อย่างนี้หรือไม่ ตอบได้เลยว่า ไม่มีทาง ขอยกบางตอนที่ยิ่งเขียนไว้อย่างน่าประทับใจ

  ทุกๆภาษา มันก็ร่ำรวยในตัวของมันเอง การจะเข้าใจภาษาไม่ใช่แค่ต้องรู้จักคำมากๆ แต่ต้องเข้าใจอารมณ์ของคำแต่ละคำ เข้าใจบุคลิกของคนชาตินั้น ว่าเขาใช้ถ้อยคำเหล่านั้นอย่างไร เพราะภาษามักจะเชื่อมโยงกับเรื่องราว กับผู้คน กับอะไรต่อมิอะไรมากมาย ถ้าไม่มีเรื่องราวจะบอกเล่า ภาษาก็คงไม่เกิดขึ้นบนโลกนี้มั้ง 


...จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราจะพยายามเข้าใจผู้อื่นเสียก่อน ที่จะหวังให้เขามาเข้าใจเรา เพราะสังคมปัจจุบันปัญหาก็คือมีแต่คนอยากพูด แต่ไม่มีใครอยากฟัง ทุกคนอยากให้คนอื่นมาเข้าใจ แต่ไม่มีใครพยายามจะเข้าใจคนอื่น  .... ถ้าเราเข้าใจคนอื่น เราอาจเข้าใจตัวเองมากขึ้น ถ้าเราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น คนอื่นก็อาจเข้าใจเรามากขึ้นเช่นกัน


... เมื่อวานได้อ่านเกี่ยวกับเรื่อง "เดินออก" ยิ่งทำให้หลุดจากร่องอารมณ์ ร่องความคิด รู้สึกตัวเองเป็นอิสระจากกรงขังบางอย่าง ผมว่าสังคมปัจจุบันมันทำให้คนแหย จะริเริ่มทำอะไรใหม่ ก็คิดโน่นคิดนี่มากเสียจนไม่ต้องทำอะไรกันพอดี การจะก้าวออกจากระบบการแข่งขัน ก็จะถูกสังคมมองว่า ล้มเหลว ไม่เก่ง การจะทำงานให้น้อย ก็จะโดนมองว่าขี้เกียจ  ผมเคยอ่านงานของท่ายติช นัท ฮันห์ ท่านบอกว่า ถ้าคนเราทำงานน้อยลง หาเงินให้น้อยลง มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ทำงานด้วยความรัก และไม่ต้องเร่งรีบ คงจะดีขึ้นเยอะ อาจจะเป็นหนทางของเศรษฐศาสตร์ยุคต่อไปก็ได้ เพราะตอนนี้คนยิ่งทำงานเยอะ ยิ่งหาเงินเยอะ บริโภคเยอะ สิ้นเปลืองทรัพยากรก็เยอะ ทำอะไรก็เยอะไปหมด แต่สิ่งที่น้อยลงคือ ความสุข  เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำอะไรให้น้อยลง และหันมาหาความสุขกันมากขึ้น อันนี้มันก็แค่ความฝันของผมเท่านั้นแหละครับ


เห็นได้ชัดว่า ความงดงามและเบิกบางทางความคิดและปัญญาที่เกิดขึ้นกับเด็กวัย 16 คนนี้มีเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูและได้รับการศึกษาแบบ home school  ที่เป็นอิสระในการเรียนรู้  ตามแนวการสอนแบบไม่สอน ไม่เทศน์ ของอาใหญ่  แปลกมากที่พ่อไม่ได้สอนอะไรมาก แต่เน้นการให้คำแนะนำ ให้แนวทางแบบเปิด ให้ลูกได้รู้คิดรู้ตื่นด้วยตนเอง  ยิ่งถูกพ่อเป็นแบบไม่รู้ตัว เป็นแนวให้คำแนะนำ หรือ coaching กับแนวทางการดำเนินชีวิตและกระตุ้นให้ลูกได้ลองคิดหรือทำในอีกมุมหนึ่งโดยไม่บังคับ  กลับกลายเป็นวิธีที่ได้ผลดีกว่าสั่งให้ทำเสียอีก  

ความน่ามีไว้ครอบครอง
อ่านแล้วสนุก ได้แง่คิดในการเลี้ยงลูกแบบอ้อมๆ  ใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับว่าเด็ก Home school มันจะสู้เด็กในระบบได้หรือ  และคำถามในใจว่าผลลัพท์มันจะออกมาเป็นยังไง  "ยิ่ง" เป็นหนึ่งใน masterpiece ของ Home school อย่างชัดเจน   (คือส่วนตัว อ่านแล้ว บอกอยากให้ลูกเป็นแบบนี้อ่ะ
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ เราคงไม่ได้ลงเอยกับการทำ Home school ให้ลูก  แต่ก็ยังมั่นใจว่า ถ้าเราได้อยู่และใช้เวลาไปกับลูกอย่างคุณภาพ เพราะทุกวันคือการเรียนรู้ของลูก  อ่านเล่มนี้แล้วก็มีความหวังว่าเราก็น่าจะทำได้เช่นกัน เพราะสิ่งที่หวังจากลูก ไม่ใช่ว่าอยากให้เขาเรียนเก่ง แต่อยากให้เขาได้รู้คิด รู้จักเข้าใจ และเคารพตัวเอง ซึ่งสิ่งต่างๆจากนำพาไปถึงการเข้าใจและเคารพผู้อืน  




วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Roots and Wings ความสัมพันธ์และความอิสระสำหรับลูก


มีของขวัญพิเศษสองสิ่ง ที่เราควรมอบให้กับลูกๆของเรา
สิ่งแรก คือ ราก 
...เพื่อลูกได้มีฐานความรัก และความสัมพันธ์ที่แข็งแรง มั่นคง และปลอดภัย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเจริญเติบโต และเบิกบานของลูก ทั้งกาย ความคิดและจิตใจ

และอีกสิ่งหนึ่ง ที่เราควรจะมอบให้ คือ ปีก
....เด็กควรมีอิสระ มีเสียง หรือที่ของตัวเองในทุกๆเรื่อง ไม่ปิดกั้น หรือสร้างกรงครอบนกน้อยที่กำลังจะเติบโต

ความสัมพันธ์กับลูกที่แนบแน่นและมั่นคง จะนำทางให้ลูกบินได้อย่างแข็งแรง และปลอดภัย


credit: FB Skip to my Lou

More Risk More Return!! วันนี้เปิดโอกาสให้ลูกลองเสี่ยงดูหรือยัง

ยิ่งเปิดโอกาสให้เด็กได้ลอง ได้กล้าทำอะไรเสี่ยงมากเท่าไร
  ก็ยิ่งทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
-Roald Dahl-
Credit:  The Children's Movement of Florida



สิ่งที่เราพ่อแม่ทุกคนให้ความสำคัญกับลูกเป็นข้อแรกๆ คือ ความปลอดภัย
แต่รู้มัยค่ะว่า บางครั้งพ่อแม่เป็นคนสร้างความไม่ปลอดภัยให้เกิดกับลูกเองโดยไม่รู้ตัว

เพิ่งมีงานหยดน้ำที่โรงเรียนไป สิ่งหนึ่งที่พ่อแม่อึ้งกันไปตามๆกันคือ การใช้มีด ใครจะนึกค่ะว่าเด็กอนุบาลจะสามารถใช้มีดหั่นผลไม้ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย (บางคนใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว) โดยที่คุณครูไม่ต้องมากำกับเด็กหรือจับมือทำ เด็กๆหั่นผลไม้เพื่อนำมาทำน้ำปั่นกันอย่างสนุกสนาน ไม่มีใครแย่งมีดหรือเล่นมีดอย่างไม่เหมาะสม และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

เป็นเพราะอะไรรู้มั้ยค่ะ เพราะคุณครูใช้เวลาในการสอนการใช้มีดกับเด็กพอสมควรก่อนการใช้งานจริง ใส่ใจเด็กอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาในช่วงแรก  อุปกรณ์ต่างๆได้ถูกจัดเตรียมให้เหมาะกับการใช้งานของเด็ก คือมีดจะทื่อๆ ไม่อันตรายมาก  กิจกรรมถูกจัดให้ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ ได้ทดลองทำ ได้สัมผัสและเข้าใจว่าทำอย่างไรจะไม่บาดมือ เด็กๆได้สนุกและภูมิใจในสิ่งที่ทำ จึงสามารถทำออกมาด้วยความมั่นใจ  ได้ทำจริงจนชำนาญ

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากห้องเรียนลูก คือ เราไม่เคยให้เวลาและเปิดโอกาสให้ลูกเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยอย่างแท้จริง คงต้องลองเปิดใจให้ลูกทำ สำหรับเด็กเล็กก็ยังต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่ว่าจะให้ลองทุกอย่าง พ่อแม่ยังคงต้องคัดกรองให้อยู่ดีค่ะ ประเด็นสำคัญ คือการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ เรื่องอันตรายเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ไม่ใช่ปิดกัน ลองเปลี่ยนจากบ้านที่เต็มไปด้วยความกลัวมาเป็นมั่นใจให้ลูกลองทำ เด็กๆทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดค่ะ

ปล. ย้อนคิดไป เคยให้ฮั่นลองหั่นผักด้วยมีดที่บ้านซึ่งใหญ่กว่าของที่โรงเรียน ฮั่นบอกเองเลยว่า มีดนี้มันคมไม่กล้าใช้ สุดท้ายเลยช่วยกันทำ จับมือลูกหั่น เออ ลูกรู้ได้ไงว่ามันอันตราย สงสัยโดนจิ้มมาก่อนแน่เลย 555