วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

ลองมาวางแผนกลยุทธครอบครัวดู

My hubby ชอบเอาแนวคิด NPL มาคุยให้ฟัง แถมทุกเช้าเปิดซีดีของบัณฑิต อึ้งรังษี   วาทยกรชาวไทยที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ ให้ฟังอีก บอกว่าทำอะไรต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ย้ำกับตนให้มั่นใจว่าทำได้ แล้วเราจะหาทางให้ตนเองไปถึงเป้าหมายในที่สุด ซึ่งกำลังพยายามเอามาประยุกต์ใช้กับตัวเองอยู่เหมือนกัน ทฤษฎีได้แล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติ ลองมาดูละกัน

ขอเกริ่นเรื่องการทำ Strategy ขององค์กรก่อน  ตอนนี้ หนึ่งในproject ที่ช่วย support ผู้บริหารทำอยู่ คือการทำ corporate strategic plan ใหม่อยู่ เพื่อรองรับกับธุรกิจที่ขยายตัว และสะท้อนวิสัยทัศน์ (Vision) และ พันธกิจ (Mission) ของบริษัทฯ ที่ก็กำลังจะเปลี่ยนใหม่เหมือนกัน ผู้บริหารระดับสูงหรือเจ้าของได้ตั้งเป้าของบริษัทใหม่ใน 5 ปีข้างหน้าแล้ว review vision และ mission และกำหนดกลยุทธต่างๆ ตาม mission ที่ตั้งไว้  ก็เหมือนกับการออกรบ ถ้ายังไม่รู้ว่ารบไปเพื่ออะไร เป้าหมายในการรบคืออะไร ก็สูญเปล่า การตั้งหรือกำหนดกลยุทธทั้งหลายทั้งปวงจึงสำคัญมาก เพื่อให้บริษัทฯได้ทั้งผลกำไร หรือเป้าหมายอื่นๆที่ต้องการ  พอได้ทิศทางว่าจะเป็นอะไร บริษัทก็จะมาว่ากลยุทธเพื่อให้สามารถทำ Mission ต่างๆให้ได้ตามที่กำหนดหรือวาดฝันไว้ นั้นก็คือ Corporate strategic plan นั้นเอง แผนกลยุทธอาจจะเปลี่ยนแปลงได้

เคย research ดูเกี่ยวกับการตั้ง Vision หรือ Mission ของบริษัทชั้นนำของโลก จากwww.strategicmanagementinsight.com<http://www.strategicmanagementinsight.com> เวปนี้มีประเมินผลการตั้ง Vision/Mission statement เป็นคะแนนด้วย โดยเทียบว่าใน mission statement มีการพูดถึง  factor หรือปัจจัยที่ทำให้ mission ต่างๆประสบความสำเร็จหรือเปล่า แล้วบริษัทที่ได้คะแนนสูงสุดน่าจะเป็น Toyota  โดย Global Vision Statement 2020 ของToyota มีว่า
“Toyota will lead the way to the future of mobility, enriching lives around the world with the safest and most responsible ways of moving people. Through our commitment to quality, constant innovation and respect for the planet, we aim to exceed expectations and be rewarded with a smile. We will meet our challenging goals by engaging the talent and passion of people, who believe there is always a better way.”


ที่มา http://www.toyota-global.com/company/vision_philosophy/toyota_global_vision_2020.html
สามารถ click ตรงต้นไม้เพื่ออธิบาย key word สำคัญใน global vision statement อ่านเข้าใจง่ายดีค่ะ
จะเห็นได้ว่า Toyota ไม่ได้มองแต่เรื่องการเติบโตทางธุรกิจอย่างเดียว เป้าหมายหลักของ Toyota นั้นเพื่อเป็นผู้นำในการสร้างโลกแห่งอนาคต ที่ทุกคนขับเคลื่อนเดินทางกันอย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และรอยยิ้ม  ซึ่งมีคำมั่นต่อการพัฒนา innovation อย่างต่อเนื่อง และดูแลรักษาโลกและสิ่งแวดล้อมด้วย นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นให้เกิดความพึงพอใจเกินความคาดหวัง และใส่ใจ people ของ Toyota ด้วย
จาก Global vision 2020 ของToyota ทำให้เราเห็นแววว่า รถรุ่นต่อไปที่จะออกมา มันจะต้อง eco-friendly สุดยอดปลอดภัย ไฮเทคและดีกว่านำชาวบ้าน คนนั้นยิ้มได้เพราะราคาคุ้มค่าแถมไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมอะไรประมาณ นั้นคือ

ที่นี้ กลับมาเรื่องของเรา ที่นี้ใจจริงตั้งใจไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่าตั้ง goal สำหรับตัวเอง (ไม่ต่างอะไรกับ corporate goal) ว่าจะเป็นอย่างไรในปีนี้ เอาแค่ปีนี้ก่อน ขอตั้งเป้าต่ำหน่อย เน้น achieve ง่ายๆ ขอเน้นที่ไม่ใช้การสร้างตัวเงินแต่เป็นการสร้างครอบครัว 

Family Target 2014 คงประมาณว่า สมาชิกครอบครัวสุขภาพแข็งแรง เที่ยว เล่น อย่างรู้ลึกรู้จริง

Vision & Mission
               “จะเป็นครอบครัวที่ทันสมัย ใส่ใจเรื่องสุขภาพและอาหารการกิน สร้างเสริมความรู้และประสบการณ์ชีวิตลูกผ่านการเล่น เที่ยว และกีฬา เป็นคุณพ่อคุณแม่ผู้เชี่ยวชาญ (SME: Subject-matter expert) ด้านใดด้านหนึ่ง และ Green family in green way”



เดี๋ยวคงต้องมาช่วยลุ้นกันหน่อยว่าจะทำได้จริงป่ะ ติดตามกันต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

ชวนลิงเล่นภูเขาไฟระเบิด เวอร์ชั่นลาวาสีฟ้า

26มค2014
ได้แรงบันดาลใจระหว่างหาของเล่นให้ลูกเล่น แม่มันก็อยากเล่น นั้นก็คือชุดภูเขาไฟจำลอง ราคาเซ็ทหน่ึงมันก็ไม่ถูก แถมเหมาะกับเด็กโตหน่อย (8ขวบขึ้นไป) แม่มันเห็นแล้วคันไม้คันมือ เลยทำเลยล่ะกัน

อุปกรณ์ที่ใช้
ส่วนบนของขวดน้ำ 5 ลิตร
ขวดยาคูลท์
ผงฟู 
สีแดง (สีผสมอาหาร หรือสีน้ำ) แต่ตอนเล่นใช้สีตามใจลูก
น้ำยาล้างจาน
น้ำส้มสายชู
ถาดสำหรับรอง
กระดาษและสี

วิธีทำ
พอตัดขวด และขวดยาคูลท์ ก็เอามาประกอบร่างกัน


ให้ดูอีกมุม แบบให้คอขวดเป็นปล่องภูเขาไฟ แล้วก็มีขวดยาคูลท์ไว้ใส่ส่วนที่จะทำเป็นลาวา
ควรให้ปากมันติดกันสนิทหน่อย อันนี้มันมีร่องนิดหน่ึง ตอนเล่นลาวาแอบไหลออก

ก่อนจะเล่น อาจจะตกแต่งให้เด็กระบายสีภูเขาไฟก่อนก็ได้นะคะแต่พอดีอยากเล่นเลยมันก็เลยใสๆ
และที่สำคัญ หาถาดรองไว้ด้วยนะคะ จะได้ไม่เลอะเทอะ ตอนเล่นเราใช้กะลามังที่วางอยู่ใกล้แทน

พออุปกรณ์พร้อมก็มาเล่นกันใส่ผงฟู น้ำยาล้างจาน และสีลงก่อน คนให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำส้มสายชู ฟองลาวาก็ระเบิดออกมา 




ล้างออกแล้วเล่นใหม่ได้ตลอดจ้า 






สร้างลูกรักให้เป็น expert

ทุกวันที่ลูกเติบโต เราได้คอยนั่งเฝ้า ความเปลี่ยนแปลงของลูก ลูกมีความชอบและสนใจที่เปลี่ยนไปตามวัย หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่อย่างเราต้องคอย


 1.สังเกต ติดตาม เพื่อรู้ถึงสิ่งที่ลูกสนใจ และรายละเอียด
ตั้งแต่ฮั่นนั่งได้ ก็ชอบหมุนล้อรถ พอเดินได้ก็เล่นรถตามประสาเด็กผู้ชาย ฮั่นชอบรถแข่ง รถไฟ รถดับเพลิง รถขยะ รถบรรทุก ทุกประเภท แต่ดูจะชอบมากคงเป็นรถก่อสร้างเป็นพิเศษ ด้วยมี function การใช้งานที่หลากหลายเฉพาะตัว สามารถบุกทะลุยไปทุกที ทำได้ทั้งงานหนัก งานลุย งานเลอะเทอะถูกใจหนุ่มน้อยเป็นที่สุด นอกจากนี้ สีส้มของรถก่อสร้างต่างๆที่สวยสะดุดตา จนกลายเป็นสีโปรดของฮั่นจนถึงวันนี้ 


2.เสริมสร้างสิ่งที่ลูกชอบ เพิ่มเติมคลังความรู้และต่อยอดการเรียนรู้ ผ่านการเล่น
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เราก็เริ่มมีหนังสือเกี่ยวกับ Truck, Digger, Construction truck และเรื่องการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ฮั่นจะขอให้แม่อ่านให้ฟังทุกวันก่อนนอน โดยเฉพาะเรื่องก่อสร้างถนน หรือเรื่องของรถ Digger ทั้งฮั่นและแม่ก็เรียนรู้ชื่อของรถประเภทต่างๆไปด้วยกัน Grader คืออะไร Compactor ใช้ทำอะไร
ทุกทริปที่ไปทะเลหรือเล่นที่กองทราย ฮั่นไม่ลืมที่จะเอารถขุดดิน รถบรรทุกดิน และบรรดารถต่างๆไปเล่นจำลองทำงานด้วย ฮั่นสามารถเล่นได้เป็นวันโดยไม่บ่นเลย  หากไม่ได้เอาของเล่นไปด้วย ฮั่นจะทำมือทำแขนตัวเองเป็นเหมือนแขนและ bucket ของ Digger เพื่อขุดดิน จินตนาการกว้างไกล
3.นำพาลูกสู่ของจริง สร้างประสบการณ์ตรง
วันหนึ่ง เจ้าของพื้นที่สวนมะพร้าวข้างบ้านจ้างคนงานมาถมที่ ตั้งแต่เช้ายันเย็น จะมีรถขุดดินคันโตทำหน้าที่ล้มต้นมะพร้าวและขนลำต้นใส่รถกระบะ Dump truck คันใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีรถบด รถขุดอีกหลายคัน ฮั่นขอให้แม่อุ้มยืนดูที่หน้าต่างทั้งวัน ขนาดตอนกินข้าวก็ต้องนั่งดูจากหน้าต่างที่ห้องครัว อาบน้ำก็ขอดูผ่านหน้าต่างในห้องน้ำ เป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน จนช่วงบ่ายแก่ของวันเสาร์ แม่ได้จูงฮั่นไปดูรถต่างๆ และขอปีนขึ้นไปนั่งเล่นแต่ละคัน โชคดีที่พี่คนขับรถขุดดินคันใหญ่ยังอยู่ พี่ใจดีอุ้มฮั่นขึ้นไปนั่งเล่นอยู่บนรถขุดดินสักพักก็ต้องทำงานต่อ จากสายตาของเด็กตัวเล็กๆ เมื่อเห็นรถในฝันแสดงพลังการทำงาน ก็ยิ่งตื่นเต้นและยิ่งประทับใจ
ทุกวันนี้ ฮั่นรู้จักประเภทของรถ truck และ construction truck ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และเมื่อถามฮั่นว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ฮั่นจะบอกว่า อยากเป็นคนขับรถขุดดิน

4.ไม่คาดหวังผลลัพท์ แต่มุ่งมั่นให้เกิดกระบวนการเรียนรู้
วันนี้ ฮั่นเริ่มสนใจรถ construction ประเภทขุดเหมืองแร่ (Miner) เริ่มรู้จักรถ Driller ที่ใช้ขุดเจาะแร่ รถขนแร่ที่มีสายพาน เวลาเล่น ฮั่นชอบสร้างเมือง ถนนหรือเล่นขุดแร่  เมื่อสังเกตรายละเอียดที่ฮั่นเล่น จะเห็นได้ชัดว่า การเรียบเรียงกระบวนการก่อสร้าง หรือการเล่นจำลองเป็นนักขุดแร่ของฮั่น เป็นขั้นเป็นตอน อะไรมาก่อนมาหลัง มีการคิดเป็นระบบ นอกจากนี้ ยังมีความคิดสร้างสรรค์ในการคิดและสร้างเครื่องจักรแปลกๆเพื่อใช้งานในการเล่นของเค้าด้วย แม้ฮั่นจะไม่รู้ตัว แต่แม่มั่นใจว่า ฮั่นได้เริ่มเรียนรู้ที่จะคิดและทำอย่าง Expert แล้ว      
ทุกวันนี้ พยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกค่ะ ในการศึกษาค้นคว้าให้มีความรู้ใหม่ๆเสมอ พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ฮั่นเริ่มทำตาม และตอนนี้ฮั่นมีน้องชาย(ธันธัน) แล้ว ฮั่นบอกว่า ฮั่นจะสอนให้ธันธันเป็นคนขับรถขุดดินที่ดีค่ะ 

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

ไม่ต้องสอน เด็กก็เขียนหนังสือเองได้

ช่วงหลังลิงฮั่นชอบเขียนหนังสือมาก โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ทั้งที่ๆบ้านไม่เคยสอนการเขียนเลย ก็เลยเอาภาษาไทยมาสร้างบรรยากาศกระตุ้นให้ฮ่ันอยากเข้ามารู้จักตัวอักษรไทยบ้าง
มีพ่อแม่หลายคนกังวลว่าเด็กอนุบาลต้องเขียนและอ่านหนังสือได้ หลายบ้านให้ลูกทำแบบฝึกหัดแบบเขียน ก ข ค มีดุมีบ่นลูกเขียนไม่สวยไม่ตามเส้นบ้าง ส่วนตัวเห็นแล้วก็สงสารเด็กๆท่ีถูกเร่งรัดให้เรียนรู้ จริงๆไม่ต้องรีบร้อนค่ะ ให้เวลาเค้าเล่นให้เต็มที่ ให้พัฒนากล้ามเนื้อให้พร้อมและเม่ือเค้าอยากเรียนเราก็ค่อยสอนได้ค่ะ 
เด็กอย่างฮั่นและเพื่อนๆหลายคนเขียนหนังสือได้โดยไม่ต้องสอนค่ะ เป็นstepการเรียนรู้ของเด็กตามธรรมชาติ เด็กๆจะใช้การจดจำตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ และเม่ือกล้ามเนื้อมือพร้อม เด็กๆจะกลั่นกรองคำ ท่ีเคยเห็น ประมวลเป็นภาพ และสั่งให้มือเขียนได้เอง สมองของเด็กได้ใช้งานในการคิดเพื่อเขียนตัวอักษร ไม่เหมือนกับการเขียนจากความเคยชินในการคัดลายมือ อันนี้ส่วนตัวคิดว่าสมองได้สั่งการอะไร



นอกจากการสร้างความจำค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลค่ะว่าต้องรีบหัดเด็กอนุบาลให้เขียนหนังสือเป็น  ลองคิดถึงผู้ใหญ่อย่างเราๆที่มาเรียนภาษาที่สามตอนโตแล้วเช่นภาษาจีนหรือญี่ปุ่น เราสามารถเขียนตัวอักษรได้เมื่อเห็น หลักการเดียวกัน 
สำหรับพ่อแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลา ก็ควรจะใช้การอ่านหนังสือกับลูกวันละเล่ม ให้ลูกได้สัมผัส และพบเห็นคำเยอะๆค่ะ เป็นกิจกรรมที่ง่าย ลงทุนแรงพ่อแม่อย่างเดียว
ว่าแล้ว ฮั่นหยิบหนังสือมาให้อ่านก่อนนอนเป็นกอง  

เขียนปี 2013

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

เด็กเลือกมาก จัดการลิงแบบ win win

ปลายปี 2013 ต่อปี2014 ในวันที่ความหนาวเย็นยังไม่จากกรุงเทพไป (อะไรกัน สิบกว่าองศา บ้าไปแล้ว) อากาศช่างเย็นยะเยือกต่างกับทุกปี แต่เหตุการณ์ที่เกิดเป็นประจำทุกวันคือ แม่ลูกชายทะเลาะกันเรื่องเสื้อผ้า ขอย้ำว่าเป็นลูกชาย ที่ช่างเลือก เรื่องมากมายเหลือเกิน เราพยายามพูดโน้มน้าวให้ใส่เสื้อแขนยาว เพราะเสื้อหนาว jacket สีส้มตัวเดียวที่ฮั่นยอมใส่ถูกเอาไปซัก
เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่แม่อย่างเรากำลังเจออยู่ 
- ฮั่นขี้รำคาญ ไม่ชอบใส่กางเกงขายาวเสื้อแขนยาว จึงไม่ได้ซื้อเพิ่ม 
- เสื้อแขนยาวที่มีอยู่ ยอมใส่อยู่แค่ 2 ตัว คือ jacket สีส้ม กับเสื้อเชิ๊ตชุดแต่งงาน (ฮั่นเรียกอย่างนี้เพราะเอาไว้ใส่ไปงานแต่งงาน) 
- กางเกงขายาวที่มีอยู่ ยอมใส่อยู่ 1 ตัว เฉพาะเวลามีงานที่โรงเรียน
- กางเกงที่ใส่ เป็นขาสั้น ใส่อยู่ 5-6 ตัว จากที่มีอยู่ เต็มตู้ สีไม่ชอบ ผ้าไม่นุ่ม ลายไม่โดนไม่ใส่
- ฮั่นมีชุดนอนแขนยาวขายาวเยอะมาก แต่จะใส่นอนอย่างเดียว ต้องเป็นเซทเดียวกันด้วย
- ฮั่นชอบสีส้ม ขาว และน้ำตาล แต่ยอมใส่สีส้ม กับขาว นอกนั้นขอดูลายก่อน
- ฮั่นชอบลายรถ แต่เป็นเฉพาะบางประเภท ต้องเลือกเองเท่านั้น เช่น รถตักดิน รถ construction รถตำรวจ มีเพิ่มมาที่ไม่ใช่รถ คือ angry bird แต่ เน้น *ต้องลายที่ตัวเองเลือกเท่านั่น*
- ฮ่ันเคยชอบเสื้อลายไดโนเสาร์ ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว และไม่ใส่เลย
- เสื้อเล็กนิดหน่อยใส่ยาก ฮั่นไม่ใส่
- เสื้อมีรู มีรอยสกปรก หรือยับไม่ใส่ ยกเว้นเป็นเสื้อตัวโปรด
- เสื้อโปโล หล่อๆ ไม่ใส่ ร้อน
- เสื้อกล้าม ไม่มีแขน ถึงจะชอบลายก็ไม่ใส่
- เสื้อกางเกงผ้าไทย ฮั่นไม่ชอบ ไม่ใส่
- เสื้อที่ยอมใส่มีแค่ 5-6 ตัว จากเสื้อผ้าเต็มตู้
- ถุงเท้ายอมใส่ แต่พอเหง่ือออกเท้า จะถอดทันที
เสื้อแต่งงานตัวโปรด


ที่นี่ เหมือนเล่นเกมตัดออก ยิ่งอากาศหนาวๆ ทางเลือกก็ยิ่งลดลง เราก็ยังไม่มีเวลาพาฮั่นไปซื้อเสื้อหนาวเพิ่ม เพิ่งได้กางเกงขายาว มีลายเฮลิคอปเตอร์ ที่ฮั่นโอเคยอมใส่มาเพิ่ม ก็ดีใจมากแล้ว (เดินดูโลตัสแถวบ้านเป็นชั่วโมงได้ของที่ยอมใส่มา2 ตัว)  
ประเด็นคือถ้าแม่เลือกให้ก็คงเสร็จไปนานแล้ว 
เลยเสนอฮั่นว่า เอาเสื้อนอนแขนยาวมาใส่ข้างในแล้วเอาเสื้อที่นายชอบสวมทับข้างนอกสิ เหมือนเด็กญี่่ปุ่นเลย เค้าใส่อย่างงี้กันนะ
ฮั่น: ฉันไม่ชอบ มันเป็นเสื้อนอนต้องใส่นอน แล้วพอใส่ไปมันก็คันด้วย
(ปกติคุยกับฮั่น จะแบบเพ่ือนกัน ใช้ฉันกะนาย)
เรา: แล้วนายจะใส่อะไร เอาเสื้อหนาวเจ๊เจ๊มั้ย (มีตัวหนึ่งมันสีน้ำเงินเข้ม แบบผู้ชาย) 
ฮั่น: ไม่เอา
แม่มันเสนออีกหลายตัว เริ่มปวดตับจี๊ดๆ ธรรมดาอากาศปกติ ชวนให้ใส่เสื้อตัวอื่นบ้าง บอกไอ้ตัวที่ใส่อยู่ มันเก่าจะแย่แล้ว ตัวที่ไม่ค่อยได้ใส่จะน้อยใจนะลูก แหมทำไมตอนนั้นอยากได้เสื้อไดโน มามี้ก็ไปหาซื้อมาให้ มีทั้งซื้อเสื้อขาวมาปักรูปไดโนเสาร์ให้ใส่สองตัวเดี๋ยวนี้ไม่เห็นใส่เลย เสื้อตัวนี้อาม่าไปเที่ยวมาคิดถึงฮั่นซื้อมาให้สีส้มด้วยนะ (แต่เป็นรถเต่าฮั่นไม่ชอบเลยไม่ใส่)  หรือไม่ก็ขู่บอกจะเอาไปให้ธันธันใส่นะ บลา บลา บลาาาา ปวดตับอยู่ ทุกวันเพราะสุดท้ายคุณชายก็ใส่ตัวเดิม มันเป็นอย่างงี้มาตั้งแต่ฮีเริ่มพูดรู้เรื่อง skillการต่อรองพัฒนาจนแม่มันงัดตำรามาสู้ไม่ทัน ไว้จะมาเล่าเรื่อง ฮั่นต่อรองให้ฟังที่หลัง
เรา: งั้นใส่เสื้อแล้วเอาเสื้อแต่งงานใส่ทับได้มั้ย
ฮั่น: โอเค
กว่าจะตกลงกันได้

คิดว่าหลายบ้านคงเจอสภาพไม่ต่างกัน จริงๆแล้วถือเป็นพัฒนาการด้านหนึ่งของลูก เด็กๆเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง และเป็นอิสระทางความคิดจากพ่อแม่ ไม่เหมือนตอนเป็นเบบี้ ที่จะหยิบใส่อะไรก็ได้ไม่งอแง (แต่ฮั่นถ้าใส่ไม่สบาย จะร้อง หรือถอดทันที ฮีเยอะมาตั้งแต่เด็ก) การจะไปเร่งให้เค้าคิดตัดสินใจก็ไม่ใช่way ที่เราชอบ เพราะ เด็กๆก็ต้องการเวลาในการนึกตรึกตรองเหมือนผู้ใหญ่เช่นกัน การชี้นิ้วสั่งก็ไม่ใช่ way เราเช่นกัน เพราะอยากให้ลูกมีความคิดเป็นของตัวเอง มั่นใจในสิ่งที่เค้าเลือกจะทำ ไม่อยากให้เหมือนแม่มันเพราะชอบทำตามคนอื่นไม่ค่อยมีจุดยืนเป็นของตัวเอง ส่วนตัว คิดว่า นี่เป็นจุดเล็กๆในการสร้างเสริม self esteem และความคิดสร้างสรรค์ของลูก  ดูอย่างที่เด็กหลายคนชอบเอาเสื้อผ้าพ่อแม่มาใส่หรือ mix upแต่งตัวเล่นประหลาดๆ เราชอบนะ และอยากส่งเสริม เด็กกำลังเล่นบทบาทสมมติ ด้วยจินตนาการ คิดสร้างสรรค์อยู่ เม่ือลูกได้คิด สมองก็ได้ทำงานและเจริญเติบโต ตามลำดับ  ไม่น่าเชื่อนะว่า การเลือกการแต่งตัวจะช่วยในเรื่องของการพัฒนาสมองได้ แต่มันเป็นเรื่องจริงค่ะ โรงเรียนทางเลือกส่วนใหญ่ มุ่งเน้นให้เด็กๆเกิดการเรียนรู้ จากการทำกิจวัตรประจำตัวหรือมีของเล่นไม่ปรุงแต่ง เช่น บล็อคไม้ ผ้าผืน ไหมพรม ( พวกของเล่นปรุงแต่งก็พวก ชุดตรวจหมอ ชุดขายของ) ให้เด็กเล่น ไม่เพิ่งแต่เสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่แล้ว ยังให้เด็กต้องคิดว่าจะเอามาเล่นยังไง เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆได้คิดเยอะๆ และสามารถต่อยอดการเล่นเป็นการเรียนรู้ได้ 


เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ แต่ ต้องบอกว่า พ่อแม่ต้องเตรียมกายใจอย่าให้เรื่องนี้มาทำให้อารมณ์เสียยามเช้า ในช่วงรีบเร่ง ก่อนจะไปโรงเรียน หรือทำงานสาย เพราะคุณลูกไม่เพียงแต่เสียเวลาเลือกเสื้อผ้าแล้ว ยังจะโอ้เอ้ต่อเน่ืองรามไปถึงจะเลือกกินอะไรดี และอีกมากมาย  ส่วนตัวเองนั้น จะมีวิธีบริหารความมากมายของลูกเพื่อให้ทันเวลาสั้นๆง่ายๆ คือ
1. เตรียมไว้ล่วงหน้า ยิ่งรู้ว่าลูกช้า เลือกมาก ก็ให้เวลาเค้าเยอะๆ ให้มันเลือกทั้งคืนเลยจนพอใจ แต่ต้องสัญญานะว่าจะต้องใส่ไม่เปลี่ยนใจพรุ่งนี้เช้า
2. ช่วยลดทางเลือกให้ลูก เช่น ให้ลูกเลือกในสิ่งที่เราช่วยเลือกแล้ว 1 ใน 2 หรือ 3 จะได้เร็วขึ้น
3. ให้เค้ามีส่วนในการเลือกหรือตัดสินใจตั้งแต่เริ่มต้น 
4. บอกล่วงหน้ากับลูกผลที่จะเกิดถ้าเค้าใช้เวลาเยอะเกินไป และต้องปล่อยให้มันมีผลกระทบกับเค้าจริงๆ เช่น ถ้าช้า ไปสายอดเล่นกับเพ่ือนหรืออดทำอะไรที่เค้าชอบหรือสนใจ ก็ลองให้มันสายไปเลย 
5. ช่ืนชมเวลาลูกสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสม ถึงจะขัดใจแม่ไปหน่อยแต่ถ้าไม่ได้เสียหายก็ปล่อยๆไปค่ะ

ระหว่างที่ใส่เสื้อไป เราบอกฮั่นว่า ยังไงก็ต้องไปซื้อเสื้อหนารด้วยกันนะ ไม่งั้น ฮั่นจะไม่หายหวัดซักที ฮั่นบอกไป เซ็นทรัลกันมั้ย มันอาจจะมีsale อยู่ก็ได้นะ แหมเด็กบ้า รู้ทันแม่อีก 
สรุปเช้านั้น เอาเสื้อหนาวแม่มันให้ใส่ไปโรงเรียนแทน

24 jan 2013

ใช้ชีวิตไปกับลูก (Partnering and Living with Kids)

มีคนชอบบอกให้เขียนบล็อคเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกบ้าง เขียนเรื่องเล่นกับลูกบ้าง อืม เราก็คิดว่าเราเป็นแค่แม่ปกติคนหนึ่งที่รักลูก มีความสุขกับการหาอะไรมาทำ มาเล่นกับลูกตามเวลาและกำลังที่พอจะทำได้  ซึ่งคิดว่าแม่ๆทุกคนก็เป็นเช่นกัน เพียงแต่ถ้าคิดว่า แม่คนนี้ชอบทำอะไรแปลกๆสนุกๆ แล้วอยากติดตามหรือทำตามก็ได้ค่ะ ซึ่งบางอย่างเราก็ไปคัดเลือก เรียนรู้และทำตามหลายๆบ้านมาเหมือนกัน   โดยสรุป เป็นคนเลี้ยงลูกตามสัญชาติญาณของตัวเอง ลองและประยุกต์หมดทั้งแนวสมัยใหม่ แนวโบราณ retroหรือ Technology freak  ขอแค่ให้เหมาะกับลูก กับเรา กับคนรอบตัว แบบพอเพียง พอดี ก็พอ






ให้เราบอกว่าเลี้ยงลูกยังไงหรอ ส่วนตัว ถ้าเลี้ยงดูเนี่ย ขอพูดถึงตอนเลี้ยงเบบี้ละกัน  เพราะสำหรับฮั่นแล้ว คงใช้คำว่าเลี้ยงไม่ได้แล้ว ตั้งแต่พอเริ่มคุยรู้เรื่อง ฮั่น (ตอนนี้ 5 ขวบ) ก็เลือกทางเดินชีวิตเองมาตลอด เลือกจะใส่เสื้อตัวไหน จะกินอะไร จะทำอะไร เล่นอะไร หรือแม้แต่จะนอนตรงไหนยังไง เราเป็นคนแค่ facilitate ให้เค้าเลือกทางที่ถูกและเหมาะสมเท่านั้น สอนในเรื่องที่เค้าต้องรับรู้หรือให้ข้อมูลในสิ่งที่เค้าสนใจเพื่อจะได้เลือกหรือเรียนรู้อย่างถูกต้อง ส่วนตัวไม่ขอเรียกว่า เลี้ยงดู  แต่ขอเล่าเกี่ยวกับ การใช้ชีวิตไปกับลูก” ละกัน  สำหรับธัน my little baby(ตอนนี้ 1 ขวบ 2 เดือน) เดินเองได้ และดูมีแววไม่ต่างจากพี่ คือ มีเจตจำนงในการใช้ชีวิตที่ชัดเจน อันไหนชอบ สิ่งไหนจะทำ อัน/สิ่งไหนไม่เอา  เป็นจุดเริ่มของการเป็นตัวตนของเด็กน้อย ที่ยังต้องได้รับการ ดูแล” แต่เราจะเริ่มแนวทางเลี้ยงดู แบบ การใช้ชีวิต ไปด้วยกัน แบบcontinual improvement  พัฒนาต่อเนื่อง


เพราะเด็กแต่ละคน ไม่มีใครเหมือนกัน เราจึงไม่เปรียบเทียบเค้ากับใคร เราคอยเผ้าดู สังเกตและใช้ชีวิตกับเค้าอย่างที่เค้าเป็น

เพราะเด็กแต่ละคนมีความคิด ความชอบ และความฝันเป็นของตัวเอง เราจึงรับฟังความคิดของเด็กด้วยใจเปิดกว้าง และไม่คิดหรือไม่คาดหวังใดๆให้เค้าเป็นหรือทำตาม  แต่จะค่อยช่วย ประคองให้เค้ายทำได้ตามที่คิดที่ฝันไว้

เพราะเด็กแต่ละคนมีความกล้าหาญและความคิดสร้างสรรค์อยู่ในตัว เราจึงส่งเสริมให้เค้าได้ทดลอง ได้เล่น ได้เรียนรู้อย่างเต็มที และไม่ห้าม” หรือ ปราบ” หรือ หยุดยั้ง” การกระทำใดของเค้า ถ้ามันไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือผลเสียต่อตัวเค้าหรือคนอื่นหรือสิ่งแวดล้อม

มามี้เชื่อแบบนั้น 


วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

เกมบันไดงู DIY แบบบ้านๆ Aug 3, 2013


คิดจะทำให้ลูกเล่นมาตั้งนาน เพิ่งได้ฤกษ์วันนี้ ตอนแรกจะทำบนกระดาษแข็ง แต่พอเลือบไปเห็นกระดานwhite boardของฮ่ัน ก็เลยเอาอันนี้แหละ เพราะสะดวกดี ลบง่าย เพิ่มเติมแก้ไขสะดวก ยิ่งมีเจ้าตัวเล็ก(8เดือน)ด้วยเลยต้องรีบทำเร็วเป็นพิเศษ
สำหรับเด็กอนุบาล ที่กำลังเริ่มจะนับเลขได้

วิธีทำ
1.คิดวัตถุประสงค์ที่อยากจะสอดแทรกให้ลูกเรียนรู้ไปกับเกม  สำหรับเด็กเล็กแล้วเกมนี้จะช่วยเรื่องการนับเลขเป็นหลัก แต่ของเราขอเพ่ิมเร่ืองอ่ืนด้วย อย่างท่ีทำวันนี้เป็น concept fire safety  แล้ววาดเป็นตึกกำลังไฟไหม้
2.รวบรวมข้อมูล ส่ิงท่ีอยากให้ลูกเรียนรู้เป็นข้อๆ แล้วนำมากำหนดเงื่อนไขพิเศษ เช่น ห้ามขึ้นลิฟท์ตอนไฟไหม้ เรากำหนดว่าถ้าเดินไปตกช่องที่มีรูปลิฟท์ ต้องเดินถอยหลัง2ก้าว  หรือถ้าเจอไฟฉาย จะได้เดินได้อีก1ก้าว  อันนี้จะช่วยสอนลูกผ่านสัญลักษณ์ แล้วยังช่วยเร่ืองการบวกและลบเลข
3. แปลงเง่ือนไขพิเศษเป็นรูปหรือสัญลักษณ์ง่ายๆ  หากลูกอ่านออกแล้ว อาจจะเขียนหรือทำเป็นการ์ดให้หยิบก็ได้
4.จัดวางกระจายจุดให้ท่ัวตาราง อย่าให้ยากเกิน แล้วก็อย่าลืมมีบันไดพิเศษที่ข้ามไปหลายช่องให้เด็กน้อยได้ลุ้น เกมแรกให้มีแต่บันไดขึ้นก่อน เกิมหลังๆค่อยมีบันไดลง
5.กำหนดจุดfinish ท่ีดึงดูด หรือท้าทายให้เด็กอยากเล่นจนจบ  เราวาดเฮลิคอปเตอร์ไว้บนสุดของตึก เพ่ือให้รู้ว่าผู้ชนะจะได้น่ังแล้วจะรอดตาย พอเกมที่สองเร่ิมมีoptionในการลงตึกเยอะขึ้น เช่น balloon เอาใจเจ๊เจ๊
6.เลือกวัสดุที่จะใช้ทำเกม เอาแบบหาง่ายภายในบ้าน วันนี้เอาเร็วเลยใช้white boardสำหรับวาดกระดานบันไดงู และใช้magnet เป็นตัวเดิน อย่าลืมลูกเต๋าด้วย 
7.ก่อนเล่นต้องอธิบายวิธีการเล่น แต่ยังไม่ต้องเล่าเหตุผลหรือที่มาของสัญลักษณ์หรือเงื่อนไขพิเศษ เน้นเล่นก่อน ยกเว้นเด็กจะถาม เราอาจจะตอบบ้างแล้วชักชวนให้เล่นให้จบก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง 
8.พ่อแม่หรือคนในครอบครัวควรมาเล่นกับเด็กตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ต้องแกล้งแพ้เพราะเกมนี้ใช้ดวงเป็นหลัก ผู้ใหญ่ต้องคอยควบคุมให้เด็กเล่นตามกติกา
9.เม่ือเล่นเสร็จ ให้เด็กๆระดมความคิด ตั้งคำถามนำเพ่ือเข้าสู่ส่ิงที่เราอยากจะสอน และควรต่อยอดความรู้ของเด็กๆ ซ่ึงพ่อแม่ต้องทำการบ้านในข้อ2 ให้ดีเพราะเป็นช่วงที่ดีท่ีเด็กสนใจรับรู้ 
ช่วงนี้ตอนแรกนึกว่าไม่น่าจะสนุก แต่กลับกลายเป็นว่า ฮ่ันกับเจ๊เล่ียงสามารถเสนอไอเดียในการหนีไฟได้อย่างน่าสนใจ และคิดหาเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ให้ใช้ลิฟต์ตอนไฟไหม้ 
10.ลองให้เด็กเป็นคนออกไอเดียในการทำเกมในครั้งถัดไป และร่วมกันหาข้อมูล จนกระท่ังทำด้วยกันเป็นกระดาน
ลองทำเล่นกับลูกดูนะคะ



Letter to Han on Mother's Day 2013

I wrote this letter on Mother's day 2013, teacher sent the letter to all mothers to prepare card and picture with our kid. Totally from my heart to Han my dear son... and this is the beginning of this blog.
May the force be with me to continue writing how I am growing together with my children till they become a lovely and beloved man..



วันที่เขียนจดหมายนี้ ฮั่นมีอายุ4ขวบ 9เดือน เป็นเวลาเท่าๆกับที่มามี้ได้เป็น "แม่" ความเป็นแม่ของมามี้งอกเงยสูงใหญ่เหมือนต้นไม้ที่โตขึ้นตามวันเวลาที่ฮั่นเติบโต ฮั่นรู้มั้ยว่า
The day I was writing this letter, Han was 4 years and 9 months old, the same age of me in the name of "Mother." My motherhood has been growing, like a big "Mamy tree", as the day you're growing.

 รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูก เหมือนน้ำฝนมามี้ชุ่มช่ำ ชื่นใจ และอยากทำแต่สิ่งดีๆเพื่อให้ลูกมีความสุข มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างนั้นตลอดเวลา
Your smile and laughter like pouring rain that make this mother tree fresh, alive and eager to do anything to make you happy, to see you laugh and smile forever.

 อ้อมกอดและKiss ของลูก เหมือนปุ๋ยเพิ่มพลังให้มามี้มีกำลังใจ และรำลึกว่ามีคนที่เรารักและรักเรามากแค่ไหน
Your hugs and kisses just like super power fertilizer to cheer me up and make me realize that how lucky I am to have the one I love and I know you love me so much too..

 เสียงพูดคุย เสียงร้องเพลง เสียงบ่นงอแง หรือแม้แต่เสียงร้องไห้ของลูก เหมือนเสียงเพลงกล่อมให้มามี้สงบสุข และรู้ว่าโลกนี้มามี้ต้องอยู่เพื่อใคร
Your voices while you are talking, singing, complaining or even crying just like sweet lullaby to calm me down, make me peaceful and remind me for whom I must protect and care for

 เมื่อลูกไม่สบาย เจ็บปวด ไม่สบายใจหรือเสียใจ มันเหมือนลมพายุที่พัดผ่านต้นมามี้ ซึ่งทำให้มามี้ต้องเรียนรู้ที่จะอดทน เข้มแข็ง และเป็นตัวอย่างที่ดีของลูกในการข้ามผ่านปัญหาหรืออุปสรรคอย่างเข้มแข็ง มีสติและคุณธรรม
Whenever you get sick, feel hurt or upset, this becomes scary storm for this tree. I know I must learn to keep going on, strong and try my best to be good change agent for you to get through any problem or obstacle ahead with consciousness and virtue.

 ความรักของมามี้ต่อฮั่น หยั่งรากลงลึก เพิ่มขึ้นๆทุกวัน ไม่เคยลดลงเลย แต่กลับมีความรักล้นเหลือแบ่งปันให้กับน้องธันธัน สมาชิกใหม่ของครอบครัว ซึ่งมามี้ก็รู้ว่าฮั่นก็รักน้องมากเหมือนที่มามี้รักเช่นกัน
My love for you grows roots deep down day by day incrementally, never decreasing.. and it is much more that could be shared to Tan, our new family member.. I know by my heart that you truly love your brother not less than me. 

มามี้ว่า ตอนนี้มามี้กลายเป็นต้นมามี้สีฟ้าต้นอ้วนๆป้อมๆ ลำต้นของต้นมามี้ก็สูงกว่าตัวฮั่นพอที่จะให้ใบไม้สีฟ้าอ่อนเป็นร่มเงาให้ลูกได้ กิ่งก้านฟ้าเข้มกํแข็งแรงพอให้ฮั่นปีนป่าย มีลำต้นสีน้ำเงินที่อ้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวของลูกรักซึ่งเป็นดั่งดวงใจของต้นไม้สีฟ้าต้นนี้ ต้นมามี้พร้อมจะเติบโตอยู่เคียงข้างไปกับลูก รอคอยวันที่ฮั่นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ 
 เมื่อถึงวันนั้น เรามาคอยดูกันนะว่าดอกและผลของต้นมามี้จะมีสีอะไรกันนะ
 I think I now become chubby blue "mamy tree". My trunk is litter bit higher than yours so that my light blue leaves could overshadow you from hot sunshine. My navy blue stems and stalks are strong enough for you to play and climb up. My dark blue fat truck is full of your story, my beloved son who is the heart of this blue tree. This "mamy tree" will always grow together and beside you in every path of your life. Let's wait and see what color my flower and fruit would become...

 รักฮั่นมาก
Love Han so Much

มามี้จุ๊บ
Mamy Jub