วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

ทริปสุพรรณหรรษา อุทยานมังกรสวรรค์-พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร-บึงฉวาก-บ้านควาย

ทริปสุพรรณหรรษา  อุทยานมังกรสวรรค์-พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร-บึงฉวาก-บ้านควาย

11-12 มกราคม 2014 ออกเดินทาง

ช่วงปลายปี 2556 ต่อฉลองปีใหม่ 57 ปะป๊ากับเฮียฮั่นป่วยเข้าโรงพยาบาล ปะป๊าเป็นไข้เลือดออกตอนพักนานหน่อย เลยต้องเลื่อนทริปออกไปอีกสองสัปดาห์ พอทุกคนพร้อมหายดี แถมธันธันก็โตพอจะพาเที่ยวแล้ว เลยได้ฤกษ์ไปเที่ยวรับวันเด็ก พร้อมฉลองปีใหม่ย้อนหลังกัน  ที่แรกที่เราแวะไปก็คือ



อุทยานมังกรสวรรค์ และพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร
วนนรถหามังกรตัวโตตามรูปอยู่นาน ที่ไหนได้ก็อยู่ในบริเวณเดียวกันกับศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เคยมาสมัยเมื่อตอนเด็กๆ ตอนนี้พาลูกมาเที่ยว เปลี่ยนแปลงไปมากเลย ศาลเจ้ายังคงอยู่ที่เดิม แต่มีการจัดสรรพื้นที่ใหม่ ให้ในบริเวณมีหมู่บ้านมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร รวมเรียกเป็นอุทยานมังกรสวรรค์
จากที่จอดรถ เราก็ต้องเดินผ่าน หมู่บ้านมังกรสวรรค์ เป็น walking street ที่ให้บรรยากาศหมู่บ้านจีนโบราณ โดยจำลอง "เมืองลีเจียง" ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่โบราณอายุนับพันปีมาไว้ให้เดิน มีโรงเตี้ยมขายอาหาร มีโรงหนัง และร้านขายของ ที่เด็ดมากและเด็กๆชอบ ก็คือ 7-11 ฮั่นกับเลี่ยงเลี่ยงวิ่งมาบอกว่า มี 7-11 เมืองจีนด้วย โดนดักให้ซื้อโน้นนี้ตั้งแต่เริ่มทริปเลยทีเดียว

จากหมู่บ้านมังกรสวรรค์ จะเจอศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และอาคารมังกรยักษ์ตั้งเด่นเป็นตะหง่า อาม่ารีบเดินไปไหว้พระที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง พาเด็กๆวิ่งตามเข้าไปไหว้ด้วย



พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร เป็นอาคารรูปมังกรยักษ์ เรามากันแต่เช้า เลยได้เข้าไปดูเป็นกลุ่มแรก ด้วยเพราะราคาตั๋วที่ค่อนข้างสูง เลยไม่ค่อยมีคนเข้าไปเท่าไร กลุ่มเราจึงมีแต่ครอบครัวเราเท่านั้น ดู VIP มาก ภายในเย็นสบาย สะอาดสะอ้าน ทุกคนต้องส่วนถุงพลาสติกคลุมรองเท้า รักษาความสะอาดอย่างดี มีห้องแสดงประวัติความเป็นมาของชาติจีน ตั้งแต่กำเนิดโลก ราชวงศ์ต่างๆของจีน จนกระทั่งจีนในปัจจุบัน มีการใช้ multimedia แสงสี ได้สุดยอดมาก คิดถึงเวลาไปพิพิธภัณฑ์ที่เมืองนอกได้เลย

ห้องแรกเป็นเรื่องการกำเนิดโลกตามตำนานจีน เสียงดังมาก ฮั่นกลัวจนร้องไห้เลย แต่ธันธันดูงงกอดอาม่าแน่น แต่พอเริ่มสว่างและเสียงเบาลง ฮั่นก็โอเค แล้วสนใจเรื่องการกำเนิดโลก ออกมายังจดจำเรื่องได้อย่างดีเลย แต่ละห้องก็มีจุดเด่นน่าสนใจแตกต่างกันไป ทำให้เราและเด็กๆ ได้รู้อย่างไม่น่าเบื่อ ส่วนพวกอากุงอาม่าก็จะเริ่มระลึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในแต่ละช่วง และก็เล่าเรื่องเพิ่มเติมโน้นนี้ให้เด็กๆ ฟัง นอกจากนี้ ภายในยังจำลองสถานที่หรือจุดเด่นของแต่ละยุคมาไว้ให้ได้เก็บภาพเป็นที่ระลึก แบบไม่ต้องไปเมืองจีนก็ได้มีรูปถ่ายได้
ปิดท้ายด้วยห้องที่รวบรวมสกุลแซ่ทั้งหมดในเมืองไทย อากุงอาม่าก็หากันใหญ่แซ่ฉันอยู่ไหนนะ และมีมุมที่บอกที่มาของการสร้างพิพิธภัณฑ์และ model จำลองอาคารแบบเปิดหลังคาให้ดูว่าแต่ละห้องถูกออกแบบและจัดสรรยังไงให้ลงไปอยู่ในลำตัวมังกรได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ฮั่นชอบมาก ส่วนธัน ไม่ต้องพูดเลย เดินไม่หยุด ตื่นเต้นมากมาย จนไม่รู้ว่าจะเอารถเข็นมาทำไม
เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีมาก ชอบมาก กะว่าถ้ามีญาติหรือเพื่อนต่างชาติจะพาไปชมหน่อย

จำลองฟันของมังกรด้านนอกเท่าของจริง


Model จำลองอาคารแบบแนวขว้าง เด็กๆชอบมาก

ตุ้งแช่

เดินเสร็จ ตอนแรกกะจะไปแวะกินที่สามชุก แต่เปลี่ยนแผนกินกันง่ายตรงหมู่บ้านมังกรสวรรค์ละกัน เดินดูหลายร้าน มาจบที่ก๋วยจั๊บ อร่อยและไม่แพง ปิดท้ายด้วยไอศครีม ตามภาษาอากุงอาม่าเอาใจหลาน อิ่มท้องแล้วก็ออกเดินทางต่อ

เป้าหมายต่อไปคือ บึงฉวากรีสอร์ท (บ้านต้นไม้) 


พอเข้าเขตบึงฉวาก รถก็ติดมาก ติดยาวออกมาเลย เพราะเป็นวันเสาร์ แถมเป็นวันเด็กอีก ระหว่างที่กระดิ๊บๆไปเรื่อยๆ ก็เห็นชาวสุพรรณ ทั้งครอบครัวเล็ก ครอบครัวใหญ่ หรือคู่รัก พากันมานั่งปิคนิครอบบึงฉวาก เป็น life style ที่น่ารักและเรียบง่ายจริงๆ กระดิ๊บมาจนถึงบ้านต้นไม้ เด็กๆก็กรี๊ดๆเล่นสนุกอยู่ที่สนามเด็กเล่นระหว่างรอเช็คอิน พอเสร็จ พ่อแม่ก็แบกของขึ้นรถกอล์ฟ (ภายในรีสอร์ต ไม่มีถนนให้เอารถเข้าไป ต้องใช้รถของรีสอร์ต) เด็กน้อยก็กรี๊ดกร๊าดตื่นตาตื่นใจ เห็นบ้านต้นไม้แฝดริมบึงฉวาก วางข้าวของเสร็จ ก็ออกไปเที่ยวตามจุดต่างๆของบึงฉวากกัน

สวนสัตว์ในวันเด็ก เปิดให้เด็กน้อยเข้าฟรี แถมมีไอติมแท่งแจกด้วย คนมากกันเต็มไปหมด กินไอติมเสร็จก็ออกเดินดูสัตว์กัน เริ่มปีกแรกเป็นสวนเสือ สิงโต เสือขาว เสือดำ เสือดาว ทุกชนิดเลย มีให้อาหารเสือและสิงโต 20 บาทด้วย ธันธันเริ่มร้อนและง่วง จับลงรถเข็นดูสัตว์กันไป


เสือดูอ้วนพีอยู่สบายดีกันทุกตัว


เราเดินดูเกือบทั่วเลย ไม่ได้ไปเกาะกระต่ายเท่านั้นเอง อาม่าบอกจะดูธันธันให้ในอาคารแสดงสัตว์ติดแอร์ที่ติดกับกรงนกยักษ์ จากนั้นก็เดินกันต่อไปดูพวกนก ลิง หมี ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งอยู่เรียงกันไปตลอดแนวบึงฉวาก เป็นสวนสัตว์ที่ดูแลสัตว์และสถานที่ได้ดีมาก สะอาด มี playground ให้เด็กเล่น หน้าตาดูดีกว่าที่กรุงเทพเยอะเลย ฮั่นเล่นจนไม่อยากไปดูสัตว์ต่อ กว่าจะโน้มน้าวให้เดินไปจนสุดที่ยีราฟ เด็กๆให้ถั่วฝักยาวกัน แล้วตัวแสบก็ทำรองเท้าตกลงไปในกรงยีราฟข้างหนึ่ง จนต้องไปขอให้พนักงานช่วยเอาขึ้นมาให้หน่อย ไม่งั้นฮั่นคงให้แม่มันอุ้มกลับแน่ๆ  พอจบก็เดินกลับมาตรงอาคารติดแอร์ ธันงอแงจนหลับไปแล้ว ได้เวลากลับที่พัก หมดแรงกันเป็นแถวๆ
ขอขี่สักนิด




เติมพลังที่ร้านอาหารของรีสอร์ท น้ำพริกอร่อยมาก มีเมนูปลาแม่น้ำ และผักท้องถิ่นด้วย อากาศช่วงนี้เย็นสบาย เข้าห้องพักก็อยากจะสลบ แต่ธันธันตื่นเต้นสถานที่ใหม่ เดินสำรวจในห้องไม่หยุด กว่าจะนอนได้ ห้องพักอาจจะเก่าเล็กน้อย แต่เครื่องอำนวยความสะดวกก็มีครบค่ะ ทั้งชักโครก สายฉีด น้ำอุ่น


เช้า ธันธันมาปลุกแต่เช้ามืด อากาศดีมาก ตื่นมาเห็นบ้านข้างๆมานั่งตกปลา พวกเราเอาขนมปังลองโยนไปตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่มีปลามากินเลย ก็เลยสงสัยว่าปลาไปไหนกันหมด บรรยากาศดี สูดอากาศบริสุทธิได้อย่างเต็มปอดเลย

ตัวแสบตื่นมาทำไมแต่เช้าเนี่ย

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็ออกเดินทางไปเที่ยวต่อ รอบบึงฉวาก
ที่แรกคือ อุทยานพืชผักพื้นบ้าน เพราะกลัวว่าแดดจะร้อนเลยไปก่อน เข้าชมฟรีค่ะ มีพันธุ์พืชมากมาย จัดสวนสวย พ่อลูกไปเช่าจักรยานมาขี่เล่น เจอจุดแรก มังกรพ่นน้ำ นี้ก็เล่นไปหลายรอบเลย สวนสวยแถมมีผักขายถูกๆ ก่อนออกจากสวน ถูกใจอาม่า



ต่อไป คือ สถานแสดงพันธุสัตว์น้ำ และบ่อจระเข้น้ำจืด อยู่ในบริเวณเดียวกัน แถมมีที่นวดไทยแผนโบราณอยู่ตรงที่จอดรถ เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยว แหม อยากจะขอนอนนวดแล้วปล่อยให้พ่อ อากุงอาม่าพาเด็กไปเดินกันเองได้มั้ย หึหึ  อาคารแสดงปลามีอยู่สามอาคาร อาคารที่สามเสียเงินเพิ่ม มีโชว์การให้อาหารปลาในตู้ปลายักษ์ ปลาสวยดีค่ะ ไม่เยอะแต่ก็ไม่น้อย เดินดูกำลังพอดี  ดูจบก็ไปดูบ่อจระเข้ มีโชว์จระเข้ด้วย มาจุดนี้ธันธันก็สลบเหมือดคารถเข็น  ที่แสดงจระเข้เป็นบ่อเล็กๆ มีจระเข้อยู่ตัวเดียวเพราะไปกัดเพื่อนร่วมแสดงจนบาดเจ็บหมด ครูฝึกจระเข้ แสดงเก่งมาก entertain ได้สุดยอด ดูเพลินเลย พอดูเสร็จก็รีบออก ไม่ได้เข้าไปตรงอาคารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลังที่ 3 (สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล) อยากดูฉลามมาก แต่อากุงอาม่าอยากไปชอปปิ้งมากกว่า เซ็ง








กลับจากดูปลา ก็ไปเก็บข้าวของ และ check out จากรีสอร์ท เด็กๆบ่นว่ายังเล่น playground ไม่มันส์เลย อยากขี่จักรยาน บลาบลาๆๆ เออ..ไว้คราวหน้าพามาใหม่นะลูก ต้องพาอากุงอาม่าไปสามชุก ช็อป ชิมแล้ว ได้ไปกินบะหมี่หมูแดงเกี๊ยวน้ำ และได้สาลี่ฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านตามธรรมเนียม

ก่อนกลับกรุงเทพ เราแวะหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย หรือชื่อเล่น บ้านควาย  แดดร้อนได้ใจเลย คุณลูกชายไม่ค่อยสนใจควายเท่าไร สนใจเกวียนและรถแทรกเตอร์เก็บขี้ควายมากกว่า ได้นั่งดูการแสดงควายยิ้มแป๊บเดียวก็ต้องกลับบ้าน เพราะเกรงใจอากุงอาม่าที่ดูเหมือนอยากรีบกลับบ้านเร็วๆ






เมืองสุพรรณยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกเยอะเลยที่น่าไป เหมาะสำหรับครอบครัวมากๆ คงได้จัดทริปมาซ้ำอีกแน่ๆ เป็นจังหวัดที่น่าอยู่ น่าเที่ยว ของกินอร่อย เดินทางสะดวก ถนนและเกาะกลางถนนสวยขนาดในกรุงเทพอายจริงๆ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองสุพรรณบุรี บึงฉวาก ดูได้จากลิงค์นี้ค่ะ
http://www.suphan.biz<http://www.suphan.biz/bungchawak.htm>
เขียน 2/4/2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น